สำหรับงานประเภทเจาะสว่านนั้น อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานประเภทนี้ก็คือ ดอกสว่าน ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นในการทำหน้าที่กัดเจาะเนื้อวัสดุต่างๆ ให้เป็นรู เพื่อที่จะสามารถตอกตะปู หรือใส่พุงเพื่อขันน็อตหรือสกรูได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งการใช้ดอกสว่านที่เหมาะสมกับประเภทของเนื้องานนั้นจะทำให้พื้นผิวของชิ้นงานไม่เกิดความเสียหาย แตกร้าว ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่า ดอกสว่านที่ใช้ในงานช่างนั้น มีประเภทใดบ้าง และแต่ละประเภทเหมาะสำหรับการเจาะเนื้องานแบบใด
ดอกสว่านสำหรับงานไม้ ปลายดอกจะมีลักษณะคล้ายหางปลา โดยมีขนาดที่นิยมใช้กันทั่วไปที่ 5, 6 และ 8 มิลลิเมตร แล้วแต่ขนาดของชิ้นงานไม้ และขนาดของรูที่ต้องการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้สำหรับการเจาะรูเพื่อใส่บานพับประตู ร้อยสายไฟ หรือเจาะใส่บานหน้าต่าง เป็นต้น
ดอกสว่านสำหรับงานเหล็ก เป็นดอกสว่านที่มีลักษณะเป็นเกลียวตัดตลอดดอก ซึ่งบริเวณปลายดอกนั้นจะมีความแหลมเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้สามารถเจาะเข้าสู่ชิ้นงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยนอกจากจะสามารถเจาะเหล็ก โลหะ ได้แล้ว ก็ยังสามารถนำไปเจาะงานไม้หรืองานพลาสติกได้เช่นกัน สำหรับงานช่างประเภทใดที่จำเป็นต้องเจาะโลหะที่มีความหนามากๆ ควรใช้ดอกสว่านแบบไฮสปีด เพราะจะมีส่วนปลายดอกสว่านที่ชุบแข็งมาแล้ว ทำให้สามารถเจาะงานได้อย่างรวดเร็ว และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าดอกสว่านประเภทอื่นๆ
งานปูนหรือคอนกรีต เป็นงานที่จำเป็นต้องใช้ดอกสว่านที่มีความแข็งแรงมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะงานในลักษณะนี้จะมีความยากมากกว่าชิ้นงานประเภทอื่นๆ ในการเจาะตัววัตถุให้ทะลุ ดังนั้นดอกสว่านที่นำมาใช้ในประเภทนี้จึงต้องเป็นดอกที่มีลักษณะเป็นเกลียวบิด และชุบแข็งพิเศษบริเวณปลายดอก เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทก และเพื่อให้เจาะชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว โดยดอกสว่านประเภทนี้เหมาะสำหรับการเจาะปูน บล็อกซีเมนต์ หรืออิฐประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นดอกสว่านที่ได้รับความแพร่หลายในการใช้งานก่อสร้าง ตึก อาคารและบ้านเรือน
นอกจากจะต้องเลือกดอกสว่านให้เหมาะสมกับประเภทของการใช้งานแล้ว ผู้ใช้งานจำเป็นต้องตรวจสอบความคมของดอกสว่านทุกเส้นด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว หากใช้งานดอกสว่านที่มีความทู่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้งานนั้นๆ เกิดความล่าช้าได้ สำหรับใครที่กำลังมองหาดอกสว่านสำหรับงานเจาะ ก็อย่าลืมพิจารณาดอกสว่านให้เหมาะสมกับประเภทของชิ้นงานนั้นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเจาะสูงสุดและเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ใช้งานด้วยนั่นเอง