คุณเคยประสบปัญหาใช้งานไขควงแล้วหัวสกรูพัง หรือไม่ว่าจะไขยังไงก็ไขไม่ออกหรือไม่? ซึ่งเหตุผลที่คุณไม่สามารถใช้ไขควงขันหัวสกรูออกมาได้นั้น อาจเป็นเพราะการเลือกใช้งานไขควงผิดประเภท โดยใช้ประเภทที่ไม่เหมาะสมกับสกรูนั่นเอง ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับการเลือกใช้ไขควงให้เหมาะสมกับประเภทของสกรูมากขึ้นมาฝาก เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาในงานช่างประเภทต่างๆ และยังไม่ก่อให้เกิดความหงุดหงิดใจในการไขสกรูแต่ละครั้ง มาดูกันว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้าง
ไขควงที่ใช้ในงานช่างนั้นมีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ไขสกรูประเภทไหน โดยแต่ละแบบนั้นจะมีแฉกไม่เท่ากัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณมักจะไม่สามารถไขสกรูออกได้ เพราะใช้งานผิดประเภทนั่นเอง ซึ่งไขควงที่มีใช้ในปัจจุบันนั้น มีทั้งหมด 6 ประเภท ดังนี้
ไขควงปากแบน ใช้สำหรับไขสกรูที่มีร่องเดียว เหมาะสำหรับการใช้กับงานไม้หรือเฟอร์นิเจอร์
ไขควงปากแฉก (Phillips) เป็นไขควงที่มีลักษณะหัวเป็นรูปกากบาท เหมาะสำหรับใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า และต้องการใช้กับงานที่ต้องการความแน่นเป็นพิเศษ
ไขควงปากแฉก (Prozidrive) มีความคล้ายกับไขควงปากแฉกแบบ Phillips แต่ไขควงประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้กับสว่าน และใช้ไขชิ้นงานได้แน่นกว่า
ไขควงหกแฉก เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับสว่าน และงานช่างด้านยานยนต์
ไขควงหกแฉกเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ พบเห็นได้พบอุปกรณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เพื่อไม่ให้ถูกแกะชิ้นส่วนออก
ไขควงแบบหกเหลี่ยม ใช้กับหัวน็อตมากกว่าสกรู ช่วยทำให้งานเสร็จไวและไม่เกิดความเสียหายกับเนื้องาน
นอกจากความแตกต่างของประเภทไขควงแล้ว ยังมีขนาดที่เป็นปัจจัยในการใช้งานด้วยเช่นกัน หากใช้ขนาดไขควงที่ถูกต้องกับขนาดสกรูก็จะทำให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นและไม่เกิดความเสียหายกับชิ้นงาน
ไขควงที่ผลิตออกมานั้น มีคุณภาพแตกต่างกันตามสภาพราคา ยิ่งมีราคาถูกมากก็ยิ่งไม่มีคุณภาพตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อให้งานช่างของคุณเป็นไปด้วยความราบรื่น ควรเลือกไขควงที่ผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน มีความแข็งแรง ทนทานและราคาสมเหตุสมผล
ไขควง จัดเป็นอุปกรณ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ในงานช่างได้หลากหลาย แต่จำเป็นต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับขนาดและประเภทของไขควงชนิดๆ นั้น เพียงเท่านี้ปัญหาที่คุณไขสกรูไม่ได้ หรือไขแล้วสกรูพังก็จะหมดไปอย่างแน่นอน