สีน้ำมัน เป็นสีที่คนทั่วไปไม่ค่อยนิยมใช้ แต่มักจะใช้กันในหมู่ศิลปิน นักสร้างสรรค์ผลงาน เนื่องจากเป็นสีที่ต้องใช้อุปกรณ์ในการวาดหลายอย่าง และผู้วาดต้องมีทักษะในการใช้สีน้ำมันอยู่พอสมควร แต่ภาพที่ได้จากสีน้ำมันจะสวยงามมาก มีมิติ และราคาสูง ทั้งยังเก็บรักษาไว้ได้นับร้อยปี อย่างภาพโมนาลิซ่าของศิลปินชื่อดังเลโอนาร์โดดาร์วินชี
สีน้ำมันผลิตมาจากสีฝุ่นผสมกับน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันลินซีด น้ำมันเมล็ดดอกป๊อบปี้ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สีแห้งช้า อาจต้องใช้เวลา 2-3 วันในการรอแห้ง หรือต้องรอเป็นสัปดาห์ถึงจะแห้งสนิท แต่ข้อดีของการแห้งช้า คือ เราสามารถแก้ไขและเพิ่มเติมรายละเอียดลงไปในภาพได้ตลอดเวลา การปรับความข้นหนืดของสี ทำได้โดยการเติมน้ำมันลินซีดหรือน้ำมันสนลงไป การใช้น้ำมันสนซึ่งเป็นสารระเหยจะช่วยให้แห้งไวกว่า แต่สีจะมันวาวน้อยลงและไม่ค่อยเป็นมิตรกับสุขภาพ
สีน้ำมัน มักจะบรรจุอยู่ในหลอด มีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้น แต่สามารถปรับความข้นได้โดยการเติมตัวทำละลายลงไป
ตัวทำละลาย เป็นตัวปรับความข้นหนืดของสีน้ำมัน ช่วยให้ระบายได้ง่ายและลื่นไหลมากขึ้น นิยมใช้กันอยู่ 2 ชนิด คือ
- น้ำมันลินซีด เป็นตัวทำละลายที่นิยมใช้มากที่สุด จะช่วยให้สีน้ำมันลื่นและระบายง่ายขึ้น เมื่อสีแห้งจะเหมือนมีฟิล์มบางๆ เคลือบอยู่บนผิวภาพ ทำให้ภาพสีน้ำมันของเราเป็นมันเงาและทนทานมากขึ้น
- น้ำมันสน ไม่นิยมนำมาผสมกับสีน้ำมันโดยตรง แต่จะใช้ผสมร่วมกับน้ำมันลินซีด เพื่อให้สีน้ำมันแห้งไวขึ้น
พู่กัน สำหรับระบายสีน้ำมันควรเป็นพู่กันที่ขนแปรงแข็งกว่าพู่กันที่ใช้กับสีชนิดอื่น เพราะสีน้ำมันมีลักษณะหนืดเหนียว จำเป็นต้องใช้พู่กันที่ขนแปรงสปริงตัวได้ดี และหลังใช้พู่กัน ควรทำความสะอาดทันทีด้วยน้ำมันสน หรือน้ำสบู่ เพราะสีน้ำมันจะเกาะเหนียวอยู่กับขนแปรง จำเป็นต้องมีตัวทำละลาย มาละลายสีให้หลุดออก
ผ้าใบ สีน้ำมันจะนิยมวาดลงบนแผ่นผ้าใบที่เรียกกันว่า แคนวาส (Canvas) ขึงให้ตึงกับกรอบไม้สี่เหลี่ยม อาจใช้ขาตั้งเข้ามาช่วยให้วาดได้สะดวกขึ้น สีน้ำมันไม่นิยมวาดลงบนกระดาษธรรมดาเพราะจะซึมเลอะ
อุปกรณ์อื่นๆ เช่น จานผสมสี ขาตั้ง ผ้าเช็ดสี กระดาษทิชชู ฯลฯ