Work Life Balance ถือเป็นวิถีชีวิตในอุดมคติของใครหลายๆ คน คือได้ทำงานในฝัน และมีวันหยุดพักผ่อนให้ทำงานอดิเรก ฮอปปิ้งคาเฟ่ ออกกำลังกาย หรือแม้แต่นอนเฉยๆ

แต่เมื่อตัดภาพมาในโลกแห่งความเป็นจริง หลายคนทำงานจนไม่มีเวลาว่าง วันหยุดไม่ได้หยุด นักขัตฤกษ์ก็ยังจ้องแต่จอคอม กลายเป็น Work ‘ไร้’ Balance ที่ไม่สามารถสลัดงานออกจากชีวิต ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลให้เกิดความเครียดได้ง่าย และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนเราหมดไฟ เกลียดวันจันทร์ และอยากลาออกจากงานไปซะดื้อๆ

เช็กตัวเองซักนิด ชีวิตการทำงาน ‘ไร้’ Balance แล้วรึยัง? 

  • หากคุณไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามเดดไลน์ได้
  • หากคุณไม่มีเวลา ไม่มีแรง ออกไปทำงานอดิเรก ออกกำลังกาย หรือสิ่งที่ชื่นชอบ แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม
  • หากคุณต้องปฏิเสธนัดเพื่อนหรือคนรัก
  • หากคุณไม่มีเวลากลับไปทานอาหารกับครอบครัว
  • หากคุณเจ็บป่วย หรือไม่สบายอยู่บ่อยๆ 
  • หากคุณไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้า 
  • หากคุณเริ่มเกลียดวันจันทร์ และโหยหาวันหยุดมากขึ้นเรื่อยๆ

ลองใช้เวลากับตัวเองซักนิด พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ามีข้อไหนบ้างที่ตรงกับชีวิตของเราในช่วงนี้ หากลองเช็กดูแล้ว ปรากฏว่าติ้กถูกรัวๆ นั่นแปลว่าชีวิตของคุณกำลังขาดความสมดุลอย่างแรง และควรรีบปรับใหม่ ก่อนที่ความเครียดจะรุมเร้า

จัดการตัวเองอย่างไร…เมื่อขาด Work Life Balance?

ใครที่กำลังประสบปัญหาชีวิตไร้บาลานซ์ แต่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เรามีทริคดีๆ ให้คุณลองพึ่งตัวเอง เพื่อปรับสมดุลให้ชีวิตบาลานซ์ขึ้น ไปดูกันเลย

อยากมี Work Life Balance ให้เริ่มจากการบริหารเวลา

เมื่อชีวิตมีเพียง 24 ชั่วโมง การจัดสรรเวลาให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราอยากให้คุณลองพิจารณาถึงชีวิตประจำวันของตัวเอง ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ว่าคุณต้องเสียเวลาไปกับกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วจัดสรรแบ่งเวลาในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น

  • ตื่นนอน ตอน 7.00 น.
  • ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว ประมาณ 45 นาที
  • เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงที่ทำงานตอน 9 โมงเช้า
  • พักเที่ยง 12.00
  • กลับมาทำงาน 13.00 น.
  • เลิกงานตอน 6 โมงเย็น
  • กลับถึงบ้านตอน 2 ทุ่ม ได้ออกกำลังกาย / อาบน้ำ / ทานอาหารกับครอบครัว

Work Life Balance ไม่มีกฏตายตัว ลองบาลานซ์ดูว่าควรให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากัน หากบ้านใกล้ที่งานก็อาจลดเวลาเดินทางลงได้ หรือถ้าบริษัทยืดหยุ่นเวลาเข้างาน หรือมีกิจกรรมอื่นๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เพียงหาจุดที่พอดีของตัวเองให้ได้ แล้วทำให้ชิน จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เมื่อร่างกายเริ่มเรียนรู้แล้วปรับตัวตาม Cycle นี้ได้ ชีวิตก็จะเริ่มกลับมาสมดุลได้ในไม่ช้าแน่นอน

ทริคเล็กๆ ช่วยให้ทำงานเสร็จทันเวลา

แม้จะวางแผนบริหารเวลาเอาไว้แล้ว แต่งานดันเยอะจนไม่สามารถทำให้เสร็จตามเวลาได้ ไปดูทริคที่จะช่วยให้งานเสร็จทันเดดไลน์ พร้อมคุณภาพงานแบบเน้นๆ

  • ทำ to do list ในแต่ละวัน พร้อมจัดลำดับความสำคัญของงาน
  • วางเส้นตายในทุกๆ งาน อย่าใช้เวลากับงานใดงานหนึ่งมากเกินไป
  • ถ้าทำไม่ทันจริงๆ ต้องกล้าเจรจา ขอเลื่อนเดดไลน์
  • เวลางานต้องทำงาน ปิด social media ทั้งหมด
  • ทำงานตามลิสต์ ไม่เลื่อน ไม่ผลัด

Work Life Balance จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีเส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว

แผนบริหารเวลาข้างต้นจะไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าคุณยังคงหมกหมุ่นกับเรื่องส่วนตัวในขณะทำงาน หรือเอาแต่คิดวกวนเรื่องงานในขณะออกทริปท่องเที่ยว สิ่งที่เราอยากให้คุณทำต่อจากการวางแผนบริหารเวลา คือ ทำตามตารางในแต่ละวันให้ได้ เมื่ออยู่ที่ทำงานก็ทำงานอย่างตั้งใจ เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ก็ต้องตัดขาดจากงานให้เด็ดขาด แล้วพักผ่อนอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือ อย่าหอบงานกลับไปทำที่บ้านเด็ดขาด! การขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนนี้ นอกจากจะเพิ่ม Work Life Balance ได้แล้ว ยังช่วยลดความเครียดได้ในระยะยาว ทั้งยังจะช่วยให้งานที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

พูดปฏิเสธให้ได้ ขอความช่วยเหลือให้เป็น เพื่อ Work Life Balance

การพูดปฏิเสธในที่นี้ไม่ใช่การเซย์โนทุกอย่างที่ขว้างหน้า แต่ให้ปฏิเสธในสิ่งที่นอกเหนือจากความรับผิดชอบของคุณ เพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริมาณงานมีมากจนเกินจะรับมือไหว ก็มาจากการไม่กล้าปฏิเสธ ตอบเซย์ Yes! แต่เพียงอย่างเดียว

นอกจากนั้น หากงานที่ได้รับมอบหมายดันเกินความสามารถของตัวเองมากเกินไป ก็ควรเริ่มขอความช่วยเหลือ อาจปรึกษาจากคนที่มีความรู้มากกว่า หรือปรึกษาเพื่อนๆ ในสายงานเดียวกัน อย่ามัวแต่เหนียมอาย ไม่อย่างงั้นคุณอาจต้องใช้เวลากับงานยากๆ นี้มากเกินไป จนเบียดบังเวลาชีวิตส่วนอื่นนะคะ

Work Like Balance จะสมบูรณ์ สุขภาพทั้งกายและใจต้องแข็งแรง

นอกจากเรื่องการทำงานแล้ว การดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเมื่อร่างกายกระฉับกระเฉง มีแรง สภาพจิตใจไม่ห่อเหี่ยว จะช่วยให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น การทานแต่อาหารดีๆ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สมอง ส่งผลไปถึงกระบวนการคิด การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาต่างๆ อีกด้วย

Work Life Balance หรือสมดุลในชีวิตของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนที่ไม่มีครอบครัวอาจให้เวลากับงานได้มากกว่า (70:30) แต่คนที่มีครอบครัว อาจต้องแบ่งเวลาให้เท่าๆ กัน (50:50) เพียงแค่หาจุดที่พอดีของตัวเองให้ได้ แล้วปรับเปลี่ยนไปทีละนิด รับรองว่าชีวิตจะมีความสุขขึ้นแน่นอน OfficeMate เป็นกำลังใจให้นะคะ