เวลาไปซุปเปอร์มาร์เก็ต เคยลองสังเกตมั้ยว่า นมบางชนิดจะวางขายอยู่บนชั้นวางสินค้า แต่นมบางชนิดก็วางขายอยู่ในตู้แช่ นั่นเป็นเพราะความแตกต่างของกระบวนการผลิตนม ทำให้การเก็บรักษานมแตกต่างกันไปด้วย หากคุณเคยเจอกับปัญหานมบูดก่อนวันหมดอายุที่กำกับไว้บนฉลาก นั่นก็อาจมาจากการเก็บรักษาไม่ถูกวิธี วันนี้ OfficeMate เลยจะพาไปรู้จักกับ ‘นม’ แต่ละประเภท ไปดูกันว่านมที่เราซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อนั้น มีกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรเก็บรักษาแบบไหน และเราจะพาไปดูกันว่า การดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนยนั้น ช่วยลดความอ้วนได้จริงอย่างที่เค้าว่ากันหรือไม่? ไปดูกันเลย!

ประเภทของนม 

ประเภทของนม

บางคนอาจสนใจแค่ยี่ห้อและรสชาติ แต่ไม่ได้สนใจเรื่องประเภทของนม บางครั้งซื้อไปแล้ว หากเก็บไม่ดี อาจทำให้นมบูดก่อนถึงวันหมดอายุ เพราะนมแต่ละประเภทมีกระบวนการผลิตแตกต่างกัน ซึ่งทำให้วิธีการเก็บรักษาแตกต่างกันออกไปด้วย 

นมพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurized Milk)

นมพาสเจอร์ไรส์ คือนมสดที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยความร้อน การพาสเจอร์ไรส์เป็นกระบวนการที่คงความสดและคุณค่าทางโภชนาการของนมเอาไว้ได้มากที่สุด แต่ก็เป็นประเภทของนมที่บูดง่ายที่สุดเช่นกัน เพราะจุลินทรีย์ที่ถูกกำจัดออกไป มีเพียงจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์เท่านั้น แต่จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาบูดเน่ายังคงอยู่ นมพาสเจอร์ไรซ์จึงจะถูกบรรจุขวดหรือกล่องวางขายอยู่ในตู้แช่ หากซื้อนมพาสเจอร์ไรส์กลับมาบ้าน ก็ต้องรีบเอาเข้าเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศา ให้เร็วที่สุด และนมประเภทนี้จะมีอายุเพียงแค่ 7-10 วัน เท่านั้น ถ้าเก็บไม่ดี อุณหภูมิสูงเกินไป ก็อาจจะบูดไวกว่าวันหมดอายุที่กำกับไว้ได้เช่นกัน  

นมสเตอริไลส์ (Sterilized Milk)

นมสเตอริไลส์ เป็นนมสดที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์เช่นเดียวกัน แต่กระบวนการสเตอริไลส์จะใช้เวลาและใช้ความร้อนมากกว่ากระบวนการพาสเจอร์ไรส์ ทำให้สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อคนออกไปได้ ทั้งยังสามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่ส่งผลให้นมบูดเน่าออกไปได้อีกด้วย นมสเตอริไลส์จึงเก็บเอาไว้ได้นานกว่าโดยไม่ต้องแช่เย็น ซึ่งสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี นมสเตอริไลส์ที่วางขายตามท้องตลาดจะบรรจุอยู่ในกระป๋องอะลูมิเนียม หรือกระป๋องโลหะ แต่ถึงแม้ว่าจะเก็บได้นานกว่า แต่กระบวนการสเตอริไลส์ก็ทำให้วิตามินและคุณค่าทางอาหารในนมลดลงไปด้วยเช่นกัน ทั้งยังทำให้รสชาติและกลิ่นของนมเปลี่ยนไปอีกด้วย 

นมยูเอชที (Utra High Temperature Milk : UHT)

นมยูเอชที เป็นนมสดที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยความร้อนสูง แต่ใช้ระยะเวลาสั้น กล่าวคือ ใช้ความร้อนสูงที่สุด แต่ใช้ระยะเวลาการฆ่าเชื้อน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 ชนิดด้านบน กระบวนการนี้สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ในนมออกไปได้ทั้งหมด โดยไม่ทำให้นมเสียรสชาติหรือเสียคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด รสชาติอาจจะยังสู้นมสดพาสเจอร์ไรส์ไม่ได้ แต่ถือว่าเป็นนมที่มีสารอาหารครบถ้วน มักจะบรรจุเอาไว้ในกล่อง แบ่งขายเป็นแพ็คๆ อย่างที่เราเห็นกันในซุปเปอร์มาร์เก็ต นมยูเอชทีเก็บได้นาน 6-8 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่ควรเก็บให้ห่างจากแสงแดด และอย่าวางแพ็คนมซ้อนกันเยอะเกินเพื่อไม่ให้กล่องนมเกิดความเสียหาย

สรุปแล้วถ้าอยากดื่มนมรสชาติดี สารอาหารครบ ควรดื่มนมสดพาสเจอร์ไรส์ แต่ซื้อแล้วควรดื่มทันที หรือถ้าซื้อขวดใหญ่ เมื่อเปิดแล้วควรแบ่งใส่แก้ว อย่าดื่มโดยตรงจากขวดเพื่อป้องกนไม่ให้นมบูดง่าย และแนะนำว่าดื่มให้หมดภายใน 3 วัน หลังเปิดขวดจะดีที่สุด แต่ถ้าอยากซื้อนมไปตุนไว้ที่บ้าน ซื้อใส่บาตร หรือซื้อบริจาค แนะนำให้ซื้อนมยูเอชทีที่เก็บได้นานกว่า สารอาหารครบ และรสชาติไม่เป็นรอง 

นอกจากนม 3 ประเภทนี้ ปัจจุบันยังมีนมที่ผลิตออกมาเพื่อเอาใจคนลดน้ำหนัก ได้แก่ นมพร่องมันเนย และนมขาดมันเนย ว่าแต่นมทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันต่อเลย! 

นมพร่องมันเนย VS นมขาดมันเนย

นมพร่องมันเนย (Low Fat Milk)

นมพร่องมันเนย หรือ นม Low Fat หรือนมไขมันต่ำ เป็นนมที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการสกัดเอาไขมันออก ให้เหลือไขมันในนมไม่เกิน 15% นมพร่องมันเนยมีทั้งแบบพาสเจอร์ไรส์ ยูเอชที และสเตอริไลส์ เป็นนมสดที่ให้พลังงานหรือแคลอรี่น้อยลง เหมาะสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเลือด โรคหัวใจ หรือความดัน 

นมขาดมันเนย (Non-Fat Milk)

นมขาดมันเนย หรือ Non-Fat Milk เป็นนมที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการสกัดเอาไขมันในนมออกจนหมดหรือเหลือไขมันเพียง 0.15% ส่วนใหญ่บนฉลากจะเขียนว่า ‘ไขมัน 0%’ แคลอรี่หรือพลังงานที่ได้จากนมขาดมันเนยจึงน้อยกว่านมทั่วๆ ไป และน้อยกว่านมพร่องมันเนย รวมถึงรสชาติอาจจะจืดกว่า เนื้อสัมผัสก็ไม่เข้มข้นเท่านมประเภทอื่นๆ เพราะขาดความหอมมันจากไขมันนั่นเอง 

ดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?

ประเภทของนม

มาถึงคำถามสำคัญที่ว่า ‘การดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนยช่วยลดน้ำหนักได้จริงมั้ย?’ เพราะคนที่ควบคุมอาหาร มักจะเลือกดื่มนม Low fat หรือ Non Fat กันเป็นส่วนใหญ่ จริงอยู่ที่นมทั้ง 2 ชนิดนี้ มีเปอร์เซ็นต์ของไขมันน้อย ทำให้แคลอรี่ต่อขวดน้อยลง และเป็นการช่วยลดพลังงานที่ได้รับจากไขมันได้ แต่มีงานวิจัยหลายแห่งที่ไม่เห็นด้วยกับการดื่มนมแบบไม่มีไขมัน 

นักวิจัยบอกว่า การบริโภคอาหารที่มีไขมัน หรืออาหารที่มีไขมันสูง ช่วยให้มนุษย์เราได้รับพลังงานเพียงพอ ทั้งยังช่วยยับยั้งความรู้สึกหิวลงไปได้ แต่หากเราลดปริมาณการบริโภคไขมันลง เราจะอยากอาหารประเภทน้ำตาลและแป้งมากขึ้น ซึ่งอาหารทั้ง 2 ประเภทนี้ส่งผลต่อระดับอินซูลิน เสี่ยงทำให้เป็นเบาหวาน และทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 

นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยที่บอกว่าไขมันในนมมีวิตามินซึ่งมีประโยชน์ต่อเซลล์ในร่างกาย ซึ่งวิตามินบางอย่างที่ละลายได้ในไขมัน เช่น วิตามิน A, D, E และ K หากนมถูกสกัดเอาไขมันออกไป ก็จะทำให้วิตามินเหล่านั้นหายไปด้วยนั่นเอง ไขมันในนมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และลดความอยากน้ำตาลลงได้ ทั้งยังมีงานวิจัยชิ้นสำคัญที่บอกว่า การดื่มนมที่มีไขมันไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

นี้เป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่เราอยากนำเสนอให้ผู้อ่านทราบเท่านั้น ใครสบายใจกับนมขาดมันเนยหรือนมพร่องมันเนยมากกว่า ก็ยังสามารถเลือกดื่มได้ตามใจ แต่อย่างที่บอกว่า ‘ไขมัน’ ยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แม้จะลดน้ำหนักก็ไม่ควรตัดการบริโภคไขมันออกไป แต่ควรเลือกเป็นไขมันดี เช่น ไขมันจากอะโวคาโด ไขมันจากปลาแซลมอน หรือไขมันจากนมสดก็ได้เช่นกัน สิ่งสำคัญ คือการควบคุมระดับน้ำตาล เลือกดื่มนมจืดแทนการดื่มนมปรุงแต่งรสชาติ จะมีประโยชน์มากกว่าและไม่ทำให้อ้วนแน่นอน 

นอกจากนั้น สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหานมที่เหมาะกับเด็กๆ ในบ้าน แนะนำให้เลือกซื้อนมที่มีไขมันดีกว่า เพราะไขมันจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและร่างกายของเด็กวัยกำลังโต 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ช้อป ‘นม’ คุณภาพดี เอาไปตุนไว้ดื่มเพิ่มพลังเพื่อสุขภาพที่ดี ได้เลยที่ เว็บไซต์ OfficeMate ช้อปวันนี้ ส่งฟรี! เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก