หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้ขายงานผ่าน คือ การพรีเซนต์ที่ดี ไม่ว่าจะพรีเซนต์ขายโปรเจค พรีเซนต์ขายสินค้า หรือแม้แต่พรีเซนต์ขายไอเดียให้น่าสนใจ เป็นหนึ่งในทักษะที่คนวัยทำงานควรมี

หนึ่งในคนที่สามารถพรีเซนต์ ขายนู้นนี่ได้อย่างน่าสนใจ คือ สตีฟ จ็อบส์ แห่ง บริษัท แอปเปิ้ล ไม่เพียงแต่ภาพจำเสื้อสีดำและกางเกงยีนส์ แต่หลายครั้งที่การพรีเซนต์โปรดัคส์ของเค้าทำให้ทุกคนว้าว ได้รับเสียงปรบมือเกลียวกราว ตามมาด้วยยอดจองและยอดขายถล่มทลาย สตีฟ จ็อบส์ทำได้ยังไง? ไปดูทักษะและสไตล์การพรีเซนต์ของเค้ากัน!

ตั้งหัวข้อประเด็นการพรีเซนต์ให้น่าสนใจ

การตั้งหัวข้อประเด็นไม่จำเป็นต้องน่าประทับใจ แต่อาจเป็นคำหรือวลีที่ทำให้คนอ่านอยากติดตาม อยากฟังสิ่งที่เราจะพรีเซนต์ต่อไป เช่น ‘There is something in the air today’ สำนวนที่ สตีฟ จ็อบส์ พูดเปิดในตอนต้นของงาน Macworld จะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีชื่อสินค้า ไม่มีตัวโปรดัคส์ให้เห็น แต่ทำให้คนอยากติดตามต่อว่าสำนวนหรือวลีนี้ เกี่ยวข้องกับอะไร? หรือ ‘The world’s thinnest notebook’ หัวเรื่องที่ปรากฎอยู่บนสไลด์ แบนเนอร์ และเว็บไซต์ของ Apple ครั้งเปิดตัว Macbook Air กระตุ้นให้คนอยากรู้ว่าโน้ตบุ๊กที่บางที่สุดในโลกเป็นแบบไหน? และมีความแตกต่างอะไรบ้าง? 

ดังนั้น ก่อนการพรีเซนต์ ลองเลือกฟีเจอร์หลักที่อยากนำเสนอ หรือกำหนดธีมของการพรีเซนต์ขึ้นมา จากนั้นค่อยหาประโยค คำ หรือวลีที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ ตั้งเป็นหัวข้อการพรีเซนต์ ก็จะช่วยดึงความสนใจ และกระตุ้นความอยากรู้ให้กับคนฟังได้

เทคนิคพรีเซนต์งาน

พรีเซนต์ด้วยการสาธิตแบบ ‘ง่ายๆ’ เพื่อกระตุ้นความสนใจ

การพรีเซนต์ที่มีแต่เนื้อหา หรืออัดแน่นไปด้วยข้อมูล แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ทำให้คนฟังละความสนใจ และเบื่อได้ง่าย เทคนิคกระตุ้นความสนใจ และไม่ทำให้คนฟังเบื่อของสตีฟ จ็อบส์ คือ การสาธิตตัวโปรดัคส์ ให้ผู้คนได้เห็นการใช้งานจริง ในกรณีที่เป็นการขายสินค้า วิธีนี้จะช่วยให้คนเข้าใจในตัวสินค้าได้อย่างรวดเร็วกว่าการพร่ำบอกข้อมูล 3-4 หน้าสไลด์ หรือถ้าสินค้าของคุณมีคุณสมบัติโดดเด่น ที่คุณคิดว่าสิ่งนี้คือจุดแข็งและเอาชนะคู่แข่งได้ ก็จงหาวิธีการสาธิต ซึ่งไม่จำเป็นต้องอลังการ แต่ทำให้คนฟังเห็นภาพ เช่น ในงานเปิดตัว Macbook Air สตีฟ จ็อบส์แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าแม็คบุ๊กแอร์เครื่องนี้บางขนาดไหน เขาเดินถือเพียงซองกระดาษ จากนั้นก็เปิดซองและหยิบแม็คบุ๊กแอร์ออกมา ถือเป็นการสาธิตง่ายๆ แต่ทำให้ทุกคนว้าว และนึกภาพความบางออก ว่าบางจนสามารถใส่ลงไปในซองกระดาษได้นั่นเอง

สไลด์มีไว้ดูประกอบ ไม่ใช่ส่วนหลักของการพรีเซนต์

สไลด์ประกอบการพรีเซนต์ของสตีฟ จ็อบส์ มักเป็นเพียงประโยคสั้นๆ หรือภาพเพียงภาพเดียวเพื่อใช้ประกอบการพูดของเขาเท่านั้น ถ้าว่ากันตามหลักจิตวิทยา สไลด์ที่เต็มไปด้วยตัวอักษรจะทำให้คนฟังไม่สนใจฟังสิ่งที่เราพูด เพราะจดจ่ออยู่กับการอ่านข้อความบนสไลด์ ทั้งยังมีงานวิจัยที่บอกว่าหลังผ่านไป 72 ชั่วโมง ผู้ฟังจะจดจำข้อมูลจากสไลด์ที่มีเพียงตัวอักษรได้เพียง 10% เท่านั้น ดังนั้น ใครที่มักวุ่นอยู่กับการใส่ข้อมูลลงสไลด์ก่อนพรีเซนต์ ลองปรับเปลี่ยนมาเป็นรูปภาพ ประโยคสั้นๆ หรือกราฟสถิติที่มองเห็นได้ชัดเจน แล้วเน้นไปที่การพูดบรรยาย ลีลา หรือการสาธิต รับรองว่าเวิร์ค ไม่น่าเบื่อ และทำให้คนจดจำเนื้อหาได้มากกว่าแน่นอน

เทคนิคพรีเซนต์งาน

พรีเซนต์แบบมีสตอรี่ สร้างคู่อริ เพื่อรับบทเป็นฮีโร่

แน่นอนว่าการที่คนจะตัดสินใจซื้อสินค้าสักชิ้น หรือตกลงยอมใช้บริการอะไรซักอย่าง ต้องเป็นสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และช่วยแก้ปัญหาที่พวกเขาเหล่านั้นเผชิญอยู่ได้ การสร้างคู่อริในที่นี้ อาจเนียนๆ ใช้เป็นแบรนด์คู่แข่ง นำเสนอให้เห็นว่าโปรดัคส์ชิ้นนี้ หรือบริการนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ หรือแก้ปัญหานั้นๆ ได้ แล้วตามมาด้วยการเปิดตัวฮีโร่ ซึ่งก็คือโปรดัคส์ของเราที่เหนือกว่า สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นได้อยู่หมัด หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ใช้ปัญหา อุปสรรค เป็นตัวร้าย นำเสนอให้เห็นว่าปัญหานี้จะส่งผลต่อชีวิตของคนฟังอย่างไร จะทำให้คนฟังอยากฟังต่อว่า แล้วอะไรที่จะช่วยแก้ปัญหาที่แสนเลวร้ายนี้ ซึ่งก็คือ โปรดัคส์และบริการของเรานั่นเอง 

ยกตัวอย่าง สตีฟ จ็อบส์ สร้างให้ Microsoft เป็นคู่อริ เพื่อมอบบทบาทพระเอกให้กับ Apple จากนั้นก็นำเสนอให้เห็นความแตกต่างของ 2 บริการ ทำให้คนเอาไปเปรียบเทียบ และปากต่อปากกันไปอย่างกว้างขวาง

พรีเซนต์ ‘ตัวเลข’ ให้มีความหมาย

อีกหนึ่งความว้าว ที่จะทำให้คนสนใจในสินค้าและบริการของเราได้อย่างรวดเร็ว คือ ตัวเลข เพราะนอกจากรูปภาพ จำนวนตัวเลข ที่มากกว่าหรือน้อยกว่า เป็นวิธีการเปรียบเทียบที่คนเข้าใจได้ง่ายและเห็นภาพได้ชัด

ยกตัวอย่างการสร้างความหมายให้ตัวเลขของสตีฟ จ็อบส์ จากปรากฎการณ์ที่ iPhones ขายได้ถึง 4 ล้านเครื่อง แต่จำนวนนี้อาจฟังดูไม่ว้าว เพราะไม่มีข้อเปรียบ สตีฟ จ็อบส์จึงเจาะลึกข้อมูลตัวเลขนั้น แล้วนำเสนอออกมาว่า ‘iPhones ถูกขายเฉลี่ยแล้ว วันละ 20,000 เครื่อง’ ซึ่งยอดขายต่อวันนั้น ทำให้คนฟัง ฟังแล้วเห็นภาพชัดเจนว่าไอโฟนนั้นถูกขายออกไปมากแค่ไหน   

ลองหาตัวเลขที่เป็นจุดเด่นของคุณ ไม่ว่าจะจำนวนยอดขาย ยอดไลค์ ยอดแชร์ Traffic หรือเรตติ้ง แล้วเจาะลึกลงไป สร้างความหมายให้ตัวเลขนั้น เช่น เอเจนซี่ของคุณ สามารถทำคอนเทนต์ให้คนกดไลค์ได้ถึง 2,000 คน ใน 10 ชั่วโมง หรือได้ยอดแชร์มา 3,000 แชร์ ภายใน 1 วัน เป็นต้น

อย่าซีเรียสกับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ รีบไปต่อให้เร็วที่สุด

เทคนิคพรีเซนต์งาน

ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้สตีฟ จ็อบส์จะถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการพรีเซนต์ แต่เขาก็เคยผิดพลาดเช่นกัน เขาใช้วิธีการแก้สถานการณ์ แล้วรีบผ่านความผิดพลาดนั้นไปให้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่ทำให้ผู้ชมไม่โฟกัสกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเช่นกัน 

ไม่ว่าจะซักซ้อมมาดีแค่ไหน แต่หลายๆ ข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นจากตัวแปรที่เราไม่สามารถควบคุมได้ หรือแม้แต่ความผิดพลาดของตัวเอง ก็อย่าเครียดจนจิตตก หาวิธีแก้สถานการณ์ และนำความผิดพลาดกลับไปเป็นบทเรียน แล้วหาทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีกจะดีกว่านะคะ  

จาก 6 เทคนิค พรีเซนต์สไตล์สตีฟ จ็อบส์ นี้ ลองเอาไปปรับใช้ให้เป็นสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะพรีเซนท์งานหน้าห้อง ขายงานลูกค้า หรือไลฟ์สดขายของออนไลน์ ก็รับรองว่าเวิร์ค ที่สำคัญคือ ไม่มีใครเก่งขึ้นใน 1 ครั้ง แต่เชื่อเถอะว่าความพยายามจะไม่หักหลังเราแน่นอน หมั่นซ้อมพรีเซนต์บ่อยๆ และอย่าซีเรียสกับข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น OfficeMate เชื่อว่า คุณก็สามารถกลายเป็นนักพรีเซนต์ หรือนักขายงานมืออาชีพได้เช่นกัน! 

และเพื่อการพรีเซนต์ที่เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมใช้อุปกรณ์ช่วย! ช้อปอุปกรณ์สำหรับนำเสนอกับ OfficeMate มีพร้อมให้คุณช้อปทั้งเลเซอร์พอยเตอร์ โปรเจคเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย กับโปรโมชั่นราคาพิเศษ และบริการส่งฟรีเมื่อช้อปครบ 499 บาท ช้อปเลย คลิก OfficeMate

ขอบคุณข้อมูลจาก : medium.com / salaryinvestor / th.jobsdb.com

อ่านบทความเพิ่มเติม : 7 เทคนิคพูดในที่สาธารณะแบบมืออาชีพ ที่คุณก็ทำได้!