การจะทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง (SMEs) หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ย่อมต้องมีการวางระบบบัญชีเพื่อจะได้ทราบที่มาที่ไปของรายได้และรายจ่าย ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจนั้นรับรู้รายได้ ต้นทุนและใช้ในการวางแผนทางธุรกิจเพื่อแข่งขันในอนาคตต่อไป

แต่ระบบบัญชีที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตมักขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ของเจ้าของกิจการ ซึ่งบางรายก็โปร่งใสตรวจสอบได้ แต่บางรายก็หมกเม็ดแอบแฝงมีบัญชีหลายชุด ทำให้เมื่อกิจการมีปัญหารัฐไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้เพราะบัญชีกับความเป็นจริงมันสวนทางกัน กรมสรรพากรจึงมีนโยบายปฏิรูประบบบัญชี โดยให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องจัดทำบัญชีธุรกิจเพียงบัญชีชุดเดียวเท่านั้นเพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน สิ่งนี้คือสิ่งที่ SMEs ควรสนใจเรียนรู้เพราะมันมีประโยชน์โดยตรงกับผู้ประกอบการ SMEs รายละเอียดจะเป็นอย่างไรเรามาตามไปดูพร้อม ๆ กันครับ

การทำบัญชีชุดเดียวคืออะไร

การทำบัญชีชุดเดียวคือการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงของกิจการตามที่ควรจะเป็นเพียงบัญชีชุดเดียว เพราะในอดีตเจ้าของกิจการหลายรายมักจะทำบัญชีออกมาหลายชุดเพื่อนำไปใช้หลายวัตถุประสงค์ ทั้งการขอยื่นกู้สินเชื่อที่ตัวเลขบัญชีจะดูสวยหรูเกินความเป็นจริง หรือใช้ยื่นเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากรที่ตัวเลขกำไรจะไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทำให้ระบบต่างๆ ที่รัฐฯตรวจสอบจากผู้ประกอบการไม่เป็นไปตามจริง ทำให้ส่งผลเสียในด้านความน่าเชื่อถือในระยะยาว และการวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ทำไมกรมสรรพากรถึงมีนโยบายให้ผู้ประกอบการ SMEs จัดทำบัญชีชุดเดียว

ประการที่1 การทำบัญชีชุดเดียว เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้และยกระดับให้ SMEs มีมาตรฐานทางบัญชีที่เป็นสากลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนแข่งขันกับสากลได้มากขึ้น

ประการที่2 คือทำให้เจ้าของกิจการSMEsรับรู้สุขภาพทางการเงินที่แท้จริงของกิจการของตนเอง เพราะการปกปิดหมกเม็ดตัวเลขบัญชีอาจทำให้เราไม่ทราบข้อมูลต้นทุนที่แท้จริงของกิจการ ไม่ทราบยอดขายหรือข้อมูลทางการเงินที่แท้จริงและอาจวางแผนผิดพลาดเกิดความเสียหายในระยะยาวของกิจการ

ประการที่ 3 เมื่อเจ้าของกิจการนำเอาบัญชีที่ไม่ถูกต้องไปขอยื่นกู้เงิน ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจลังเลใจไม่ปล่อยกู้ ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ หรือแม้หากสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อ หากข้อมูลบัญชีที่แสดงมันโอเวอร์เกินความเป็นจริง ในอนาคตก็อาจเกิดปัญหาหนี้เน่า ซึ่งกระทบภาพรวมเศรษฐกิจได้

ประการที่ 4 หากกิจการมีปัญหา เจ้าของอาจไม่กล้าเข้าไปขอคำปรึกษากับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพราะตนเองปกปิดและหมกเม็ดเอาไว้เยอะ ผลเสียร้ายแรงคืออาจถูกฟ้องร้องจนต้องปิดกิจการหรือล้มละลายไปเลย

ประการที่ 5  ะการที่ ้ายดเดียว ต่างๆ ด้านเศรษฐื่อเอาไว้ดูรายรับรายจ่ายของบริษัท ทำให้ระบบต่างๆ ที่รัฐฯตรวจสอบจากผู้ประกอบการไม่เป็นไปตามจริรัฐไม่อาจทราบตัวเลขความแข็งแกร่งของ SMEs ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ SMEs คือ ตัวขับเคลื่อนให้ประเทศเดินหน้า แต่การปิดบังข้อมูลบัญชีรัฐเองก็ไม่อาจนำข้อมูลไปใช้กำหนดนโยบายขับเคลื่อนประเทศ หรือมีนโยบายช่วยเหลือเจ้าของกิจการที่ประสบปัญหาได้ และที่สำคัญทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บภาษีเพราะการปกปิดข้อมูลทางบัญชีนี่เอง

ดังนั้นนโยบายการจัดทำบัญชีชุดเดียวจึงออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้นั่นเอง

บัญชีชุดเดียว

ความแตกต่างระหว่างการทำบัญชีแบบเก่าและการทำบัญชีชุดเดียว

ในอดีตการจัดทำบัญชีเพื่อยื่นแก่กรมสรรพากรอาจจะไม่ใช่บัญชีที่ถูกต้องเสมอไป แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในสมัยนั้นอาจทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยากและใช้เวลานาน ทำให้แม้การยื่นบัญชีที่ไม่ใช่ของจริงเข้ามา ถ้าไม่เผอิญถูกสุ่มตรวจแล้วพบก็แทบจะจับไม่ได้ ทำให้ผู้ประกอบการสมัยนั้นมักจะทำบัญชีขึ้นมาหลายชุด หรืออย่างน้อยๆ 2-3 ชุดด้วยกัน

แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการเงินมีความก้าวหน้าขึ้นมากพอ ๆ กับความสามารถในการตรวจสอบและยิ่งต่อไปเมื่อรัฐมีนโยบายลดการใช้เงินสดในระบบลงและส่งเสริมการใช้จ่ายในระบบ E-payment มากขึ้น ต่อไปนี้ธุรกรรมการเงินของกิจการไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินค่าสินค้าหรือการรับเงินจากการขาย ทุก ๆ ยอดที่เกิดขึ้นจะมีหลักฐานปรากฏอยู่ที่ธนาคาร และสรรพากรสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อใดที่เจ้าของกิจการยื่นบัญชีที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงต่อกรมสรรพากร ก็มีโอกาสถูกตรวจพบและดำเนินคดีได้ง่ายกว่าสมัยก่อน

การจัดทำบัญชีเดียวมีผลกระทบอย่างไรต่อผู้ประกอบการ SMEs

หากคุณเป็นผู้ประกอบการ SMEs และคุณทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายคุณไม่ต้องกังวลใจใด ๆ เลย เพราะเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแม้จะตรวจสอบคุณบ้างแต่ก็ไม่อาจทำอะไรคุณได้ ในทางตรงข้ามหากคุณทำในสิ่งที่ผิดกฎหรือพยายามปกปิดคุณจะต้องเป็นกังวลมากกว่า รวมถึงการทำบัญชีชุดเดียวยังเป็นการลดต้นทุนในการจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อจัดทำบัญชีให้กับธุรกิจ SMEs อีกด้วย

และอีกข้อที่สำคัญสำหรับนโยบายการทำบัญชีชุดเดียว คือ

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป โดยความร่วมมือของกรมสรรพากรและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกกฎเกณฑ์การขอกู้สินเชื่อแก่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งว่า หากมีเจ้าของกิจการ SMEs รายใดต้องการขอกู้สินเชื่อจะต้องยื่นบัญชีชุดเดียวกับที่ยื่นให้กรมสรรพากรเท่านั้น

หากตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการรายใดยื่นบัญชีที่ไม่ตรงกัน ก็ไม่ให้อนุมัติสินเชื่อนั้น หากธนาคารพาณิชย์ใดอนุมัติก็ให้มีความผิดฐานร่วมกันปกปิดความผิด และเลี่ยงภาษี ฉะนั้นหากคุณจัดทำบัญชีชุดเดียวอย่างถูกต้อง คุณก็มีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากกว่า

หากไม่เข้าร่วมมาตรการบัญชีชุดเดียว SMEs เสี่ยงอย่างไร?

เนื่องด้วยมาตรการบัญชีชุดเดียวที่ออกมา โดยภาพรวมแล้วถือว่าเป็นผลประโยชน์กับผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลแบบ SMEs เอง ดังนั้นหากเลี่ยงไม่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบภาษีของกรมสรรพากร อาจสงสัยในงบบัญชีการเงินของบริษัทนั้นๆ เป็นพิเศษ

นอกจากนี้ เมื่อธุรกิจ SMEs ทยอยกันเข้าส่งมาตรการบัญชีชุดเดียวแล้ว ทำให้ตรวจสอบงานได้ง่ายขึ้น จึงทำให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมีเวลาในการเข้าไปตรวจสอบภาษีกิจการขนาดเล็กที่ไม่เข้าร่วมมาตรการนี้มากขึ้น รวมถึงเจ้าหน้าที่จะมีเวลาในการสอบยันผู้เสียภาษีมากขึ้นและละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

หากคิดจะทำกิจการใด ๆ ก็ขอให้ยึดหลักความถูกต้องโปร่งใสเป็นอันดับแรกเช่นเดียวกับการจัดทำบัญชีชุดเดียวนี้ เพราะเมื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องคุณก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย นอกจากนี้คุณยังมีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับนำไปต่อยอดธุรกิจ มีสิทธิ์เข้ารับความช่วยเหลือเมื่อกิจการคุณประสบปัญหา ประโยชน์เหล่านี้นับว่าคุ้มค่าแล้วและย่อมดีกว่าความพยายามในการหลบเลี่ยงหรือหนีภาษี เพราะสิ่งที่ได้รับมันไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียอย่างแน่นอน