แค่ซักผ้าให้หอมติดทนนาน ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำหอมอีกต่อไป แต่จะทำอย่างไรให้ผ้าที่เราซักมีกลิ่นหอม ติดทนนาน ให้ความรู้สึกเหมือนแม่มาซักผ้าให้ตลอดเวลา และที่สำคัญต้องสะอาด วันนี้เราเลยมาบอกเคล็ด (ไม่) ลับ ที่ทุกคนสามารถทำตามกันได้ สะดวกสบาย ได้กลิ่นหอมของเสื้อผ้าเหมือนแม่ตามมาซักให้ตลอด ที่สำคัญราคาไม่แพง ด้วยวิธีการประหยัดแต่ได้คุณภาพ ก็สามารถทำให้เสื้อผ้าของเราหอมนานตลอดทั้งวันได้แล้ว

แชร์ 8 ทริคซักผ้าให้หอมคงทน แค่เดินผ่านก็ได้กลิ่นหอมแล้ว

  1. แช่น้ำร้อนก่อนซัก

เพราะเสื้อผ้าที่ใส่แล้วจะมีทั้งกลิ่นเหงื่อ และกลิ่นควัน รวมถึงมลภาวะต่างๆ ที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน ยิ่งใครที่ต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือต้องขึ้นรถ ลงเรือหลายต่อด้วยแล้ว รับรองว่าเสื้อผ้าของคุณจะเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่โชนสนามรบมาทั้งวันแน่นอน ดังนั้นเพียงแค่เราซักผ้าตามขั้นตอนธรรมดา อาจไม่สามารถกำจัดกลิ่นฝังแน่นเหล่านี้ได้หมดไปภายในครั้งเดียว อีกทั้งยังมีเชื้อโรคต่างๆ เกาะสะสมอยู่มากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวการร้ายที่ทำให้เสื้อผ้าเราไม่หอม หรือเหม็นเร็ว ดังนั้นหากเราต้องการทำให้เสื้อผ้าเรามีกลิ่นหอม ติดทนนานตลอดทั้งวัน จึงควรกำจัดกลิ่นฝังแน่นจากเหงื่อ มลภาวะต่างๆ ด้วยการแช่น้ำร้อนก่อนซัก เพื่อกำจัดทั้งกลิ่นและเชื้อแบคทีเรีย 

โดยเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ในตอนนี้มักจะมีฟังก์ชันพิเศษ ที่มีโหมดการซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ซึ่งมีอุณหภูมิให้เลือกปรับตามชนิดของผ้า แต่ทั้งนี้ฟังก์ชันเหล่านี้จะเป็นฟังก์ชันในการซัก ไม่ใช่การแช่ผ้า ดังนั้นเราจึงควรนำเสื้อผ้าแช่น้ำร้อนก่อน จากนั้นจึงค่อยนำเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้าตามปกติ วิธีการนี้จะช่วยให้ผ้าของเราสะอาด ลดแบคทีเรีย และทำให้ขั้นตอนการซักผ้าตามปกติของเรา สามารถแทรกซึมความหอมของน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มได้มากขึ้นด้วย

  1. เลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น
ซักผ้าให้หอม

การเลือกน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เสื้อผ้าของเราหอมยาวนานขึ้น แต่น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีหลากหลายสูตรให้เราเลือกซื้อ ซึ่งแต่ละสูตรก็มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานที่เหมาะสม ดังนั้นหากเราต้องการให้เสื้อผ้าหอมติดทนนานเป็นพิเศษ ก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าเหล่านี้กันสักหน่อย โดยแนะนำว่าให้เลือกซื้อทั้งน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นโดยเฉพาะ เพราะสูตรเข้มข้นนี้จะมีการปรับสูตรใส่หัวน้ำหอมผสมผสานลงในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มากกว่าน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรทั่วไป 

ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรเข้มข้นนี้จะสามารถทำหน้าที่แทรกซึมความหอมลงไปในเนื้อผ้าได้ดียิ่งกว่า จึงทำให้เสื้อผ้าของเราหอมยาวนานกว่าผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรปกติ และยิ่งในตอนนี้ที่มีผลิตภัณฑ์ซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีสูตรกระจายกลิ่น เมื่อมีการขยับของเสื้อผ้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งปล่อยแคปซูลความหอมออกมามากเท่านั้น เพียงแค่เดินผ่านก็ได้กลิ่นหอมของเสื้อผ้าเราไปเต็มๆ แล้ว

  1. แยกเสื้อผ้าก่อนซัก

การแยกเสื้อผ้าก่อนซักนี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงว่าให้แยกแค่ผ้าสีและผ้าขาวเท่านั้น เพราะการคัดแยกเสื้อผ้าตามสีของเสื้อผ้าก่อนทำการซัก เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่ช่วยป้องกันสีตกใส่เสื้อผ้าระหว่างเสื้อผ้าสีเข้มและสีอ่อนเท่านั้น แต่หากเราต้องการเพิ่มความหอมติดเสื้อผ้าให้ยาวนานขึ้น ควรทำการคัดแยกเสื้อผ้าระหว่างกางเกงและเสื้อก่อนทำการซักด้วย เพราะกางเกงจะเปื้อนมากกว่าเสื้อ โดยเฉพาะกางเกงยีนส์ที่สามารถสะสมแบคทีเรียและเชื้อโรคเอาไว้ได้มากที่สุด 

ดังนั้นหากทำการซักกางเกงยีนส์รวมกับเสื้อ ก็จะทำให้เสื้อไม่ส่งกลิ่นหอมเต็มที่ เพราะในระหว่างการซักนั้น กางเกงยีนส์ได้ดูดซึมผลิตภัณฑ์ซักผ้าไปเกือบหมดนั่นเอง ดังนั้นเราจึงควรแยกเสื้อและกางเกงออกจากกันก่อนทำการซักทุกครั้ง

  1. ใช้โหมดการซักแบบสะอาดเป็นพิเศษ

สำหรับเครื่องซักผ้าในปัจจุบันจะมีหลากหลายฟังก์ชันที่เพิ่มเติมขึ้นมา เพราะนวัตกรรมสมัยใหม่จะคำนึงถึงทั้งความสะอาดและความหอมของเสื้อผ้า ดังนั้นหากเราต้องการให้เสื้อผ้าสะอาดและหอมเหมือนแม่ซักให้ ให้เราเลือกซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าจากโหมดซักสะอาดเป็นพิเศษ หรือเครื่องซักผ้าบ้านใครมีโหมดซักสะอาดขั้นสุด ก็ให้เลือกใช้งานโหมดนั้น เพราะโหมดนี้จะมีวิธีการซักที่นอกจากจะช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดยิ่งกว่าโหมดปกติแล้ว ยังช่วยให้เสื้อผ้าหอมได้ยาวนานขึ้นด้วย เพราะตั้งแต่ขั้นตอนการซัก โหมดนี้ก็จะมีการเซ็ทค่าการซักไว้ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง และโหมดล้างน้ำไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง อีกทั้งยังปั่นหมาดได้แห้งกว่า ทำให้เสื้อผ้าของเราสะอาดและหอมทนนานยิ่งขึ้นนั่นเอง

  1. ทำให้แห้งด้วยเครื่องอบผ้า
ซักผ้าให้หอม

ผ้าที่ซักแล้วใช้วิธีการปล่อยให้แห้งด้วยสภาพอากาศเอง กับผ้าที่แห้งด้วยการใช้พลังงานลมร้อนย่อมแห้งได้หมดจดกว่า ที่สำคัญวิธีการอบผ้ายังสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียตัวการกำเนิดกลิ่นได้อีกด้วย ดังนั้นเพียงเราซักผ้าตามขั้นตอนปกติแต่เพิ่มวิธีการอบผ้าด้วยทุกครั้งให้แห้ง ก็จะช่วยให้เสื้อผ้าของเราแห้งถึงขีดสุด และยังช่วยกำจัดแบคทีเรียไปในตัว คราวนี้เสื้อผ้าของเราที่ซักสะอาดด้วยน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็จะยิ่งคงความหอมได้ยาวนานขึ้น

  1. ไม่ใส่เสื้อผ้าเยอะเกินไปในถังซัก

เชื่อว่ามีหลายคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าลงไปในถังเพราะต้องการซักผ้าให้ได้ปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว รู้ไหมว่าวิธีการนี้นอกจากจะทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักและพังเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้เสื้อผ้าของเราไม่หอม หรือซักไม่สะอาด คราวนี้ก็จะต้องนำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาซักอีกครั้ง เพิ่มขั้นตอนให้ยุ่งยาก ทำให้เสียเวลา เสียค่าไฟ และเหนื่อยยิ่งกว่าเดิมอีก ทางที่ดีหากเราต้องการให้เสื้อผ้าสะอาด พร้อมความหอมที่ยาวนาน ก็ไม่ควรใส่เสื้อผ้าเยอะเกินไปในคราวเดียวกัน แต่ควรคัดเลือกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน 

รวมถึงแยกชนิดของเสื้อผ้าก่อนทำการซัก อีกทั้งยังควรทำตามขั้นตอนวิธีการซักผ้า ตามโหมดของเครื่องซักผ้าที่ระบุแจ้งไว้ เช่น ผ้าฝ้ายซักได้ปริมาณเท่าใดต่อครั้ง ผ้าลินิน ผ้าขนสัตว์ สามารถใส่ซักในครั้งเดียวได้จำนวนเท่าใด เพื่อช่วยถนอมการใช้งานเครื่องซักผ้า พร้อมทั้งยังช่วยทำให้เสื้อผ้าเราหอมไปในตัวอีกด้วย

  1. ฉีดสเปรย์น้ำหอม หรือสเปรย์รีดผ้าเรียบก่อนทำการรีด

เพื่อล็อคความหอมให้ติดเสื้อผ้าคงทนยิ่งขึ้น ก่อนรีดผ้าแนะนำให้ฉีดสเปรย์น้ำหอม ความหอมของสเปรย์จะยิ่งแทรกซึมลงไปในเนื้อผ้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีการผลักความหอมนั้นลงไปด้วยความร้อนจากการรีดผ้า คราวนี้เสื้อผ้าของเราก็จะหอมติดทนนาน ไม่ส่งกลิ่นแรงจนเกินไป เรียกได้ว่าแค่ใครเดินผ่านก็ต้องหยุดชะงักกับความหอมของเรา 

  1. ตากเสื้อผ้าในที่ร่ม แต่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ซักผ้าให้หอม

ความคิดที่เราหวังแต่เพียงว่าต้องการให้เสื้อผ้าแห้งเร็วที่สุด และแห้งสนิทที่สุดจะต้องตากเสื้อผ้าไว้ในกลางแดดจ้านั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะวิธีการนี้อาจทำให้เสื้อผ้าแห้งสนิทก็จริง แต่จะไม่มีความหอมติดเสื้อผ้าเลย เพราะผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดมีกลิ่นหอมต่างๆ จะพ่ายแพ้ให้กับแสงแดดอันแรงกล้า แล้วความหอมนั้นก็จะระเหยไปกับความแห้งของเสื้อผ้าที่ถูกแดดส่งตรงมาโดยตรง 

ดังนั้น หากเราต้องการให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมและติดทนนาน จึงควรตากเสื้อผ้าไว้ในที่ร่มแต่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันความชื้นและกลิ่นอับของเสื้อผ้า วิธีการนี้จะช่วยเซฟความหอมของเสื้อผ้าได้ดีกว่าการตากในที่ที่แดดส่งตรงอย่างจริงจัง อีกทั้งยังช่วยถนอมเสื้อผ้าไม่ให้ดูเก่าเร็วได้อีกด้วยนะ

เช็กด่วน! ทำไมซักผ้าแล้วไม่หอม แถมมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วย

หลายคนอาจจะบอกว่าได้ลองทำตามเทคนิคทั้ง 8 ที่เราได้ลิสต์มาให้แล้ว แต่ทำไมเสื้อผ้าก็ยังไม่หอม ตรงกันข้ามบางครั้งยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดเสื้อผ้ามาอีกด้วย หากคุณพบเจอกับปัญหาเหล่านี้ต้องรีบเช็กด่วนเลย ว่าเป็นตาม 3 ปัญหานี้หรือเปล่า

  1. ถังซักในเครื่องซักผ้าไม่สะอาด

ถังซักเสื้อผ้าที่ไม่สะอาดจะทำให้การซักผ้าของเราล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เสื้อผ้าหอมแล้ว ตรงกันข้ามยังทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ถูกสะสมไว้จากการซักเสื้อผ้าครั้งก่อนๆ ด้วย และที่สำคัญยังเป็นแหล่งรวมแบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นเช็กและล้างถังซักให้สะอาดอยู่เสมอ 

  1. บริเวณที่ตากผ้าไม่เหมาะสม

การตากผ้าในที่ที่เหมาะสมถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เสื้อผ้าหอม เพราะหากคุณเลือกทำเลตากผ้าไว้ใกล้กับห้องครัว หรือบริเวณที่กลิ่นต่างๆ สามารถลอยมาติดกับเสื้อผ้าได้ ก็อาจทำให้เสื้อผ้าของเราติดกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านั้นมา ดังนั้นเราจึงควรหาทำเลในการตากผ้าให้เหมาะสมที่สุด ตากในที่ร่มแต่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และยังเป็นสถานที่ที่ไม่มีการทำกิจกรรมที่ส่งกลิ่นเหม็นติดเสื้อผ้าได้ด้วย

  1. แช่ผ้านานเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นการแช่ผ้าเพื่อกำจัดคราบสกปรกฝังแน่นก่อนทำการซัก หรือแช่ผ้าในน้ำร้อนเพื่อกำจัดแบคทีเรียก็ตาม ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการแช่ผ้าอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง เพราะหากเราแช่ผ้านานเกินไปคราบสกปรกและแบคทีเรียต่างๆ จะแทรกซึมลงสู่เนื้อผ้าแบบฝังลึกได้ ดังนั้นจึงทำให้เสื้อผ้าของเราเหม็นแม้จะทำการซักตามเทคนิคทั้ง 8 ที่เราแนะนำแล้วก็ยังไม่สามารถกำจัดกลิ่นเหม็นได้ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรแช่ผ้านานเกินไปนั่นเอง

เทคนิคทั้งหมดที่เราลิสต์มาให้นี้ เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการดูแลเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอมติดทนนานเหมือนแม่ตามมาซักให้ทุกวัน นอกจากเสื้อผ้าที่หอม สะอาดจะเป็นวิธีการดูแลตัวเองแล้ว ยังช่วยซัพพอร์ตให้เรามีบุคลิกที่ดีขึ้น สร้างเสน่ห์ให้แก่คนรอบข้างได้มากขึ้นด้วย

อยากมีเสื้อผ้าหอมๆ ใส่ทุกวัน อย่าลืมเอาเทคนิคทั้ง 8 ข้อไปลองใช้ และที่สำคัญ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีคุณภาพ ซึ่งคุณสามารถเข้ามาช้อปได้เลยในเว็บไซต์ OfficeMate ทุกอย่างที่คุณอยากได้ เรามีพร้อมส่ง และส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท!

บทความแนะนำ!