ข้อมูลการใช้งานโซเชียลมีเดียในปี 2020 พบว่า คนไทยใช้อินสตาแกรมมากติดอันดับ 16 ของโลก บัญชีผู้ใช้อินสตาแกรมในไทย รวมๆ แล้วมีมากกว่า 16 ล้านบัญชี และยังมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต 

จากข้อมูลด้านบน อินสตาแกรมดูจะเป็นโอกาสทองของนักการตลาดและคนทำแบรนด์ที่กำลังคิดวางแผนจะเปิดร้านหรือโปรโมทแบรนด์ของตัวเอง สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่วงการขายของออนไลน์หรือพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์บนไอจีอยู่แล้ว แต่ร้านยังไม่ปังซักที วันนี้ OfficeMate มี 8 เทคนิคง่ายๆ ในการทำการตลาดบนอินสตาแกรม เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มยอดขายให้ดีไม่มีตก! 

1.เลือกใช้บัญชีธุรกิจ (Business Account)

ใครที่กำลังจะเริ่มต้นเปิดร้านขายของบนไอจี ควรเริ่มต้นจากการเลือกใช้บัญชีธุรกิจ (Business Account) ส่วนใครที่ตอนนี้กำลังใช้บัญชีส่วนบุคคล (Profile Account) ขายของอยู่ก็แนะนำให้เปลี่ยนซะตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะบัญชีธุรกิจที่ออกแบบมาเพื่อการทำธุรกิจโดยเฉพาะนั้น จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายกว่าการใช้บัญชีส่วนบุคคลธรรมดาๆ เป็นไหนๆ  

ข้อดีของการใช้บัญชีธุรกิจ คือทำให้ร้านค้าบนไอจีของเราน่าเชื่อถือ เสมือนเป็นการยืนยันตัวตนและความโปร่งใสในเบื้องต้น นอกจากนั้น การใช้บัญชีธุรกิจจะทำให้เราเข้าถึงฟีเจอร์อื่นๆ ได้ก่อนใคร และเผลอๆ ยังเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ บนไอจีได้มากกว่าการใช้แอคเคาท์ธรรมดาอีกด้วย ตัวอย่างเช่น 

  • บัญชีธุรกิจสามารถเชื่อมลิงค์ร้านค้าเข้ากับไอจีสตอรี่ได้ (Stories IG) 
  • มีปุ่ม Shop สำหรับบัญชีธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถซื้อขายสินค้าบนไอจีได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งแอปฯ อื่น
  • การใช้บัญชีธุรกิจจะได้รู้ข้อมูลอินไซด์ที่ไม่สามารถดูได้บน Profile Account เช่น ข้อมูลลูกค้า จำนวนคนเข้าชม ยอดคลิก ความสำเร็จของโพสต์ ฯลฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถเอาไปวิเคราะห์และวางแผนทำการตลาดต่อได้   

2.ทำแอคเคาท์อินสตาแกรมให้น่าเชื่อถือ

หลังจากเปิดเป็นบัญชีธุรกิจแล้ว สเต็ปถัดมาคือการทำให้ร้านค้าบนไอจีของเราน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น 

2.1 รูปโปรไฟล์ควรเป็นรูปที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือสินค้า ง่ายที่สุดคือใช้โลโก้แบรนด์หรือชื่อแบรนด์เป็นภาพโปรไฟล์ (อ่านเพิ่มเติม : แจกเว็บออกแบบโลโก้ฟรี พร้อมเทคนิคออกแบบโลโก้แบรนด์ให้ลูกค้าจดจำ!)

2.2 ชื่อบัญชีและชื่อธุรกิจ ควรเป็นชื่อของแบรนด์ที่มีความเป็นทางการ อ่านง่าย แนะนำว่าไม่ควรใส่อิโมจีหรือตัวอักษรพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าค้นหาร้านค้าของเราเจอได้ง่ายกว่า

2.3 คำอธิบายโปรไฟล์ จำกัดเอาไว้ที่ 150 ตัวอักษร และเพื่อความน่าเชื่อถือควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน ดังนี้ 

  • ชื่อแบรนด์/ชื่อธุรกิจ 
  • ประเภทของธุรกิจ จะแสดงอยู่ด้านล่างของชื่อธุรกิจ หากใช้บัญชีธุรกิจจะมีตัวเลือกให้กดเลือกได้เลย เช่น Footwear Store, Home Decor, Clothing ฯลฯ 
  • ลิงค์เว็บไซต์และช่องทางการติดต่ออื่นๆ เช่น Facebook, Twitter, Shopee, Lazada Line@, เบอร์โทร หรือพิกัดหน้าร้าน (ถ้ามี)
  • ข้อมูลอื่นๆ เช่น หากเป็นร้านพรีออเดอร์ ควรระบุเอาไว้ให้ชัดเจน และอาจใส่ระยะเวลาการพรีออเดอร์ด้วย   

การทำบัญชีให้น่าเชื่อถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงลูกค้าเข้าร้าน ด้วยความที่ดูเป็นมืออาชีพ ร้านค้ามีตัวตนอยู่จริง จะทำให้ลูกค้าไว้วางใจ ช่วยเพิ่มยอด Follower แถมยังช่วยให้ปิดการขายง่ายขึ้น

3.รูปต้องปังและตรงปก

ธรรมชาติของคนเล่นไอจี คือความต้องการจะเข้ามาดูรูปภาพสวยๆ หากต้องการดึงดูดความสนใจและเพิ่มยอด Follower ร้านค้าควรลงทุนกับการถ่ายภาพสินค้า จัดแสง วางพร๊อพ จัดองค์ประกอบ หามุมกล้อง หรือคิดคอนเซปต์ที่ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่และสร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นภาพที่มองเห็นสินค้าชัดเจน อาจแปะโลโก้แบรนด์ลงไปด้วย และที่สำคัญ คืออย่าแต่งภาพจนสีเพี้ยนไปจากสินค้าจริง หากได้สินค้าไม่ตรงปกไป มีสิทธิ์จะโดนคอมเพลนได้ง่ายๆ เลย 

เทคนิคในการโพสต์รูปภาพ หากอยากให้ร้านดูมีคอนเซปต์ แนะนำให้จัดลำดับการลงรูป อาจแบ่งตามโทนสีหรือแบ่งตามคอลเลคชั่น เพื่อคุมโทนให้บัญชีไอจีของเราดูสวย สบายตา ทำให้ภาพสินค้าดูโดดเด่นขึ้น ซึ่งเป็นตัวช่วยดึงดูด Follower ได้

นอกจากรูปภาพแล้ว คอนเทนต์แบบวิดีโอก็มาแรงและได้รับความนิยมสูง ในไอจีมีฟีเจอร์ภาพเคลื่อนไหวให้เล่นมากมาย ทั้งไอจีสตอรี่ ไอจีทีวี และใหม่ล่าสุด คือ Reels ลองครีเอทคอนเทนต์สั้นๆ โชว์ให้ดูว่าสินค้าของคุณทำอะไรได้บ้าง หรือจะถ่ายเป็นพรีวิวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ รับรองว่าช่วยดึงความสนใจจากลูกค้าได้แน่นอน          

4.แคปชั่นใต้โพสต์ต้องบอกข้อมูลให้ครบถ้วน

แคปชั่นใต้โพสต์ต้องให้ข้อมูลสินค้าแบบครบถ้วนชนิดที่ลูกค้าอ่านแล้วแทบจะไม่เหลือคำถามคาใจ สิ่งที่ควรใส่แคปชั่น ได้แก่ 

  • ชื่อสินค้า รุ่น ยี่ห้อ
  • ราคา (ต้องใส่ราคาทุกครั้ง ห้ามปกปิดราคาเด็ดขาด) 
  • รายละเอียดสินค้า : ขนาด สี ความจุ ส่วนผสม กลิ่น ฯลฯ 
  • สถานะของสินค้า : พร้อมส่งหรือพรีออเดอร์
  • ช่องทางการสั่งซื้อ 
  • โปรโมชั่น ของแถม ส่วนลด 
  • ค่าจัดส่ง 

นอกจากนั้น อาจเพิ่มเติมในส่วนของข้อมูลอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้สินค้า เช่น  จุดเด่นของสินค้า ส่วนผสมที่แตกต่าง กระบวนการผลิตที่ไม่เหมือนใคร หรือเป็นสินค้าทำมือมีชิ้นเดียวในโลก เป็นต้น

5.อย่าลืมใส่ #Hashtag

อีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ในแคปชั่น คือ การใส่ #แฮชแท็ก โดยเฉพาะร้านค้าเปิดใหม่ที่ยอด Follower ยังน้อย แฮชแท็กจะช่วยให้โพสต์ของเราเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น พูดง่ายๆ คือ เวลาลูกค้าต้องการค้นหาสินค้าบางอย่างบนไอจี หากโพสต์ของเรามีแฮชแท็กตรงกับคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าพิมพ์ในช่องค้นหา ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะได้เห็นโพสต์ของเราไปแสดงอยู่ที่ผลการค้นหานั่นเอง 

แฮชแท็กที่ใช้ควรเป็นคำสั้นๆ หรือที่เรียกกันว่าคีย์เวิร์ด ซึ่งจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่เราขาย ลองค้นหาดูว่าแฮชแท็กยอดนิยมของสินค้าหรือบริการนั้นๆ คืออะไร เช่น หากต้องการขายเคสสมาร์ทโฟน แฮชแท็กที่ต้องมี คือ #เคสมือถือ #เคสไอโฟน #เคสซัมซุง หรือถ้าเป็นร้านรับพรีออเดอร์ แฮชแท็กที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ #preoder #พรีออเดอร์ ในส่วนนี้อาจจะต้องทำการบ้านหนักหน่อย แต่รับรองว่าถ้าได้แฮชแท็กยอดนิยมมาใส่ใต้โพสต์ ร้านจะปังขึ้นชัวร์!

นอกจากการใช้แฮชแท็กยอดนิยมแล้ว อาจจะสร้างแฮชแท็กของตัวเองขึ้นมา ใช้สำหรับจัดหมวดหมู่สินค้า หรือทำให้ลูกค้าเลือกหาสินค้าในร้านของเราได้ง่ายขึ้น เช่น ใส่แฮชแท็กชื่อร้านตามด้วยคำว่าพร้อมส่ง ใช้เป็นแฮชแท็กเฉพาะที่เก็บลิสต์สินค้าพร้อมส่งในร้านเราเอาไว้ หรือถ้าร้านขายสินค้าหลายอย่าง ก็สร้างแฮชแท็กเฉพาะที่ไม่ซ้ำใคร แยกหมวดหมู่สินค้าในร้าน ลูกค้าจะสามารถเข้าไปเลือกหาสินค้าที่ต้องการในแฮชแท็กได้เลย เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและแม่ค้าไปพร้อมๆ กัน  

6.เลือกเวลาโพสต์ให้ถูก

อีกเทคนิคที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นโพสต์ของเรา ก็คือเลือกช่วงเวลาการโพสต์ในช่วงที่คนนิยมเล่นไอจี นั่นก็คือ ช่วงตื่นนอน (07.00-09.00) ช่วงพักเที่ยง (11.00-13.00) และช่วงเลิกงานกำลังกลับบ้าน (17.00-19.00) และแนะนำให้โพสต์ในวันธรรมดา เพราะในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โพสต์มักจะได้รับ Engagement (ไลค์ คลิก แชร์ คอมเม้น) น้อยกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้ยึดเวลาการโพสต์โดยอิงจากอินไซด์ที่เก็บสถิติผู้เข้าชมแอคเคาท์ของเราโดยเฉพาะ เพื่อกำหนดเวลาโพสต์ให้ตรงกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด     

7.โชว์รีวิวและฟีดแบ็คจากลูกค้า 

คำชมและฟีดแบ็คดีๆ อย่าเก็บเอาไว้ หาช่องทางบอกต่อให้ลูกค้าคนอื่นๆ ได้รับรู้ อาจจะขออนุญาติรีโพสต์จากลูกค้า หรือแชร์จากสตอรี่ที่ลูกค้าติดแท็กร้าน เก็บรวบรวมเอาไว้เป็นไฮไลท์ ยิ่งได้รับรีวิวดีๆ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าคนอื่นๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และยังเพิ่มยอด Follower ได้อีกด้วย ส่วนฟีดแบ็คที่ไม่ดี อย่าเมิน เก็บเอาไว้และนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น จะได้พัฒนาและต่อยอดร้านของเราให้ปังและถูกใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

8.ซื้อโฆษณาเพิ่มการเข้าถึง

การขายของบนไอจีสมัยก่อน พ่อค้าแม่ค้ามักใช้วิธีฝากร้านใตโพสต์ในไอจีของดาราเซเลป แม้จะช่วยให้ชื่อร้านผ่านตาชาวเน็ตได้จริง แต่บางทีก็ออกจะน่ารำคาญไปซักหน่อย ทั้งกับเจ้าของไอจี บรรดาแฟนคลับ รวมถึงผู้ที่ผ่านมาพบเห็น ดังนั้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงแบบเป็นมืออาชีพ แนะนำให้หันมาลงทุนกับการซื้อโฆษณาบนไอจี (Instagram Ads) แทนจะดีกว่า

การโฆษณาโปรโมทสินค้าบนไอจีเราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะมองเห็นโฆษณาของเราได้ กำหนดระยะเวลาการโปรโมทได้ ทั้งยังมีให้เลือกโปรโมทได้หลายรูปแบบ ได้แก่

  • Photo Ads เป็นโฆษณาในรูปแบบโพสต์ภาพนิ่งเดี่ยวๆ 
  • Video Ads เป็นโฆษณาในรูปแบบของโพสต์วิดีโอ ความยาวจำกัดที่ 60 วินาที เหมาะสำหรับการพรีวิวสินค้า หรือโปรโมทคอลเลคชั่นใหม่     
  • Carousel Ads เป็นโฆษณาในรูปแบบอัลบั้มรูปภาพ ลงได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอในโพสต์เดียว เหมาะสำหรับโชว์ความหลากหลายและดีเทลของสินค้า  
  • Stories Ads เป็นโฆษณาในรูปแบบของไอจีสตอรี่ เป็นตำแหน่งการโฆษณาที่เป็นมิตร สะดุดตา และดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด ทั้งยังสามารถแท็กร้านค้าหรือใส่ลิงค์มายังบัญชีธุรกิจของร้านให้ลูกค้าเข้ามาตามต่อได้ง่ายๆ  

ซึ่งการจะโปรโมทสินค้าด้วยการยิง Ads บนไอจี ไม่ว่าจะเลือกโฆษณาในรูปแบบไหน สิ่งสำคัญคือรูปภาพที่ใช้เพื่อการโฆษณา ควรเป็นรูปที่มีรายละเอียดครบถ้วน คือมีทั้งภาพสินค้า, ชื่อสินค้า, ชื่อแบรนด์/โลโก้, ราคา, ส่วนลด/โปรโมชั่น โดยเฉพาะการโปรโมทเป็น Photo Ads เดี่ยวๆ อาจต้องวางแผนจัดการอาร์ตเวิร์คให้ดี เมื่อรูปโฆษณาสามารถสื่อสารใจความได้ครบ ก็จะช่วยดึงความสนใจ ไม่ให้คนเลื่อนผ่านในทันที และถ้าสื่อสารได้ดีก็มีโอกาสที่คนจะคลิกเข้าไปตามต่อในไอจีร้านค้าของเราได้

อ่านมาถึงตรงนี้ พร้อมแล้วรึยังที่จะเปิดร้านและโปรโมทร้านในไอจีของคุณให้ปังยิ่งกว่าเดิม? ลองเอาเทคนิคทั้ง 8 ข้อนี้ไปใช้ และอย่าลืมเพิ่มเติมความสม่ำเสมอในการโพสต์ โปรโมท และสื่อสารกับลูกค้าบ่อยๆ เพราะถ้าปล่อยให้บัญชีธุรกิจร้าง ไม่มีการอัปเดต โอกาสจะแย่งชิงพื้นที่บนหน้า Feed ก็จะน้อยลงไปด้วย 

มาเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น! ด้วยสินค้าเพื่อธุรกิจจากออฟฟิศเมท ช้อปไอเทมไปรันธุรกิจพร้อมโปรโมทร้านค้าออนไลน์ของคุณ ได้เลยที่ OfficeMate

ขอบคุณข้อมูลจาก