ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว หลายๆอย่างรอบตัวเราเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเกือบทั้งหมด QR Code ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากมายโดยเฉพาะด้านการเงิน นอกจากนี้ QR Code ยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านธุรกิจอีกด้วย ว่าแต่ QR Code จะมีประโยชน์สำหรับธุรกิจอย่างไรบ้าง วันนี้ออฟฟิศเมทจะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมกับสอนการสร้าง QR Code ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ กัน

ความเป็นมาของ QR Code

     QR Code หรือ (Quick Response Code) เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดย QR Code ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยลดเวลาการทำงานของระบบแคชเชียร์ ที่ต้องพิมพ์ราคาของสินค้าด้วยมือในการคิดเงินลูกค้า (ระบบแคชเชียร์ของญี่ปุ่นในสมัยนั้น)เดิมทีก่อนที่ QR Code จะถูกพัฒนาขึ้น ได้มีการใช้บาร์โค้ดที่เป็นแถบสีขาวดำอย่างที่เรา ๆ เคยเห็นกันทั่วไปในธุรกิจประเภทซื้อขาย แต่บาร์โค้ดมีข้อจำกัดในเรื่องของความสามารถในการบรรจุข้อมูล ซึ่งบาร์โค้ดสามารถบรรจุข้อมูลเป็นตัวเลขได้เพียง 20 หลักเท่านั้น และการอ่านบาร์โค้ดยังต้องใช้เครื่องบาร์โค้ดเข้ามาช่วยในการอ่านอีกด้วย ทำให้การใช้งานบาร์โค้ดมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง

     ในปี  ค.ศ. 1994 บริษัท Denso-Wave (เดนโซ-เวฟ) ผู้ผลิตเครื่องอ่านบาร์โค้ดในขณะนั้น ได้คิดค้นโค้ดรูปแบบใหม่ขึ้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ QR Code เป็นระบบบาร์โค้ดแบบ 2 มิติที่บันทึกข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ดหลายเท่า (ยิ่งข้อมูลเยอะ จุดสีดำใน QR Code จะยิ่งถี่) โดยสามารถบรรจุข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น รองรับทั้งข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขได้กว่า 7,000 หลัก และ QR Code ยังสามารถอ่านได้โดยอุปกรณ์การถ่ายภาพอย่างสมาร์ทโฟนที่ทุกคนคุ้นเคยได้อีกด้วยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องอ่านแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้ต้นทุนการใช้งาน QR Code ต่ำกว่า บาร์โค้ดมาก

“QR Code ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ระยะหลังมา QR Code ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกและเป็นประโยชน์ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะด้านธุรกิจ”

QR Code กับ นามบัตรยุคใหม่ เข้าถึงแบรนด์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

     หากลองดูรายละเอียดในนามบัตรของเจ้าของกิจการสมัยนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นามบัตรแทบทุกใบจะมี QR Code ใส่ไว้ด้วยเสมอ นั่นเป็นเพราะ QR Code ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลของแบรนด์ทำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะ QR Code สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งตัวอักษรและตัวเลข ทำให้เราสามารถใส่ข้อมูลธุรกิจอย่างชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร, E-mail รวมไปถึง URL ของเว็บไซต์ได้ ทำให้การเข้าถึงแบรนด์ทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลของแบรนด์ที่เราใส่ในนามบัตรยังสามารถบันทึกเป็น contact ใน smart phone ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ข้อมูลเองอีกด้วย ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหานามบัตรจากสมุดและไม่ต้องกลัวว่าจะทำนามบัตรหายอีกต่อไป

เข้าถึงข้อมูลสินค้าแบบออนไลน์ได้ง่ายขึ้นด้วย QR Code

     นอกจากประโยชน์ที่ช่วยลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้นแล้ว QR Code ยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการขายสินค้าอีกด้วย เห็นได้ชัดเจนจากการนำ QR Code ไปใส่ในสื่อโฆษณาของแบรนด์ต่างๆ อย่าง แผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ โดยหากลูกค้าเห็นสื่อแล้วเกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการนั้นก็สามารถหยิบ Smart Phone ขึ้นมาสแกน QR Code เพื่อเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าได้ทันที รวมถึงยังสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้จากทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

ธุรกิจกำลังนำ QR Code มาปรับใช้ให้ตอบโจทย์กับแบรนด์ของพวกเขา

การโฆษณารูปแบบใหม่ ด้วย QR Code

     Billboard ใจกลางเมืองหลายๆเมือง ได้มีการนำ QR Code ไปแปะแทนการโฆษณาเป็นรูปภาพหรือตัวอักษรแบบเดิม จุดเด่นของการใช้ QR Code ในการโฆษณาคือ การทำให้คนอยากรู้ว่า “ข้อมูลใน QR Code นั้นคืออะไรกันแน่?” การไขข้อสงสัยนั้นทำได้ง่ายดายมาก ๆ เพียงแค่หยิบ Smartphone ขึ้นมาสแกน หลังจากนั้นข้อมูลที่คนอยากรู้ก็จะปรากฏขึ้น แน่นอนว่า การสร้างการรับรู้ให้กับสินค้าและบริการของแบรนด์นั้นได้เกิดขึ้นแล้วโดยสมัครใจ ถือว่าเป็นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

สร้าง QR Code ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

เข้าถึงหน้าหลักของเว็บที่ให้บริการสร้าง QR Code ได้ที่ : https://th.qr-code-generator.com/

1. ประเภทข้อมูลที่ต้องการบรรจุลงใน QR Code

2. นำลิงก์ URL ที่ต้องการทำเป็น QR Code มาใส่ในช่องที่ 2

3. เมื่อนำลิงก์มาวางเรียบร้อย ให้คลิก สร้างรหัส QR ตามช่องที่ 3

เมื่อคลิก สร้างรหัส QR เรียบร้อย ทางขวามือจะปรากฏ QR Code ที่บรรจุข้อมูลที่เรากรอกลงไปขึ้นมา สามารถ Download ได้โดยการคลิก ดาวน์โหลด

*เว็บนี้มีทั้งบริการฟรีและเสียเงิน หากสมัครสมาชิกแบบเสียเงินจะได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ใส่รูปภาพหรือโลโก้ และลูกเล่นต่าง ๆ เพิ่มเติม

0 CommentsClose Comments

Leave a comment