อย่างที่เรารู้กันมา ว่าการดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ นั้นดีต่อร่างกาย เพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำมากถึง 70% จึงจำเป็นต้องมีน้ำคอยหล่อเลี้ยงให้เซลล์ และอวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่คำถาม คือ การดื่มน้ำเยอะๆ นั้นต้องเยอะแค่ไหนถึงจะเพียงพอ ช่วยให้สุขภาพดี กระปรี้กระเปร่าได้ทั้งวัน? วันนี้ OfficeMate มีเคล็ดลับการดื่มน้ำเปล่าให้ได้ประโยชน์ และเหมาะสมกับร่างกายมาฝาก ไปดูกันว่าแต่ละวันควรดื่มน้ำเปล่าตอนไหน แล้วควรดื่มวันละกี่ลิตร?

เคล็ดลับการดื่มน้ำเปล่าให้เหมาะสมกับร่างกาย

บางคนดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว บางคนดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร แต่เคล็ดลับในวันนี้ คือ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน วิธีคำนวณ คือ ใช้น้ำหนักตัว x 30 = ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน (มิลลิลิตร) เช่น น้ำหนัก 57 x 30 = 1710 มิลลิลิตร หมายความว่า คนที่น้ำหนัก 57 กิโลกรัม ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย วันละ 1.7 ลิตร หรือประมาณ 2 ควรลิตรนั่นเอง 

อีกหนึ่งเคล็ดลับ คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอตามช่วงอายุ และเพศ คือ

  • อายุ 4-8 ปี ดื่มน้ำประมาณ 5 แก้ว หรือ 1.2 ลิตร ต่อวัน
  • อายุ 9-13 ปี ดื่มน้ำประมาณ 8 แก้ว หรือ 1.9 ลิตร ต่อวัน
  • อายุ 14-18 ปี ดื่มน้ำประมาณ 11 แก้ว หรือ 2.6 ลิตร ต่อวัน
  • อายุ 19 ปี ดื่มน้ำประมาณ 9-13 แก้ว หรือ 2.1-3 ลิตร ต่อวัน

สำหรับคนที่ออกกำลังกาย นอกจากดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันแล้ว แนะนำให้คอยจิบน้ำทุกๆ 15 นาที เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ 

ดื่มน้ำเปล่าอย่างไรให้ได้ประโยชน์?

  • น้ำดื่มควรเป็นน้ำเปล่าที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน หากเป็นน้ำดื่มบรรจุขวดก็ควรเป็นยี่ห้อที่ไว้ใจได้ มีหมายเลข อย. / GMP หรือ HACCP 
  • หากดื่มน้ำประปาจากเครื่องกรองน้ำ ควรเลือกเครื่องกรองน้ำที่ได้มาตรฐาน และอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองเมื่อครบกำหนด 
  • ควรดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องจะดีที่สุด เพราะร่างกายไม่ต้องปรับอุณหภูมิน้ำให้เข้ากับอุณหภูมิของร่างกาย แต่ในบางกิจกรรม เช่น หลังออกกำลังกาย หากดื่มน้ำเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิร่างกายลงได้ และช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น  
  • การดื่มชา ชานมไข่มุก ดื่มเบียร์/เหล้า ไม่สามารถทดแทนการดื่มน้ำเปล่าได้ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายยิ่งขับน้ำ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น แถมยังมีแคลอรีสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนอีกด้วย 

ดื่มน้ำเปล่าตอนไหนดี?

  • ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังตื่นนอนทันที จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
  • ในช่วง 09.00-11.00 น. จะเป็นช่วงที่ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานเต็มที่ และมีของเสียเกิดขึ้น ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว เพื่อขับของเสียเหล่านั้นออกไป
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนกินอาหาร และหลังทานอาหารทั้ง 3 มื้อ เว้นระยะประมาณ 30 นาที เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างสมบูรณ์
  • ดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนนอน เว้นระยะห่างก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ซึ่งจะทำให้การนอนไม่มีประสิทธิภาพ
  • ระหว่างวันควรจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อให้เลือดไม่หนืดข้น เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
  • การดื่มน้ำให้ใช้วิธีจิบทีละนิด ไม่ดื่มทีเดียว 1 ลิตร เพราะจะเกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้

รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มเอาไว้ข้างตัวสำหรับจิบตลอดวัน และดื่มให้ถูกเวลาเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย เข้ามาช้อปน้ำดื่ม น้ำแร่ หรือเครื่องกรองน้ำ เอาไปทำน้ำประปาสะอาดๆ ได้เลยในเว็บไซต์ OfficeMate ช้อปครบ 499 บาท ส่งฟรี!

บทความแนะนำ!

ขอบคุณข้อมูลจาก