สรุปงาน Apple Event ‘California Streaming’ เปิดตัวโปรดัคส์ใหม่ มีอะไรเพิ่มเติ่มหรืออัปเกรดมาจากเดิมบ้าง OfficeMate สรุปมาให้แล้ว ไปดูกันเลย!!

iPhone 13

พระเอกของงานอย่าง iPhone 13 เปิดตัวมาทั้งหมด 4 รุ่น คือ iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro max

  • iPhone 13 และ iPhone 13 mini 
iPhone 13 และ iPhone 13 mini
iPhone 13 และ iPhone 13 mini

iPhone 13 และ iPhone 13 mini ดีไซน์ทรงเหลี่ยมเพรียวบาง มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีชมพู, สีน้ำเงิน, สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์ และ RED รองรับการใช้งาน 5G จอภาพเสริม Ceramic Shield แข็งแกร่งและทนทาน กันน้ำในระดับ IP68 ว่ากันว่าเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในโลก นวัตกรรมที่อัปเกรดมาจากเดิม คือ ระบบกล้องคู่วางในแนวทะแยง มาพร้อมขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น มีระบบกันสั่นแบบ OIS รับแสงได้มากขึ้น 47% ช่วยลดนอยซ์ ทำให้การถ่ายภาพ/ถ่ายวิดีโอในที่มืดหรือที่ที่แสงน้อยเป็นไปได้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีโหมดภาพยนตร์ รองรับความละเอียด 4K สูงสุดที่ 60 fps (fps ยิ่งมาก วิดีโอจะยิ่งลื่นไหล) พร้อมการปรับโฟกัสอัตโนมัติ ให้การถ่ายวิดีโอของคุณลื่นไหล เหมาะสุดๆ สำหรับยุคแห่งการทำคอนเทนต์ เสริมด้วยจอภาพ Super Retina XDR เพิ่มความสว่าง ช่วยให้คอนเทนต์ของคุณสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้น 

iPhone 13 Night mode
iPhone 13 Night mode

นอกจากนั้น iPhone 13 และ iPhone 13 mini ยังมาพร้อมชิป A15 Bionic ช่วยให้การทำงานต่างๆ บน iPhone เร็วขึ้นกว่าเดิม และประหยัดพลังงานกว่าเดิม แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone 12 พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลใหญ่สะใจ เริ่มต้นที่ 128 GB      

iPhone 13 และ iPhone 13 mini พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 8 ตุลาคม 2564 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม iPhone 13 และ iPhone 13 mini

  • iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max

iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาตรฐานใหม่ของ iPhone มากับ 4 สีสันหรูหราสวยงาม ได้แก่ สีกราไฟต์, สีทอง, สีเงิน และสีเซียร์ร่าบลู (สีใหม่) หน้าจอเสริม Ceramic Shield แข็งแกร่งและทนทาน รองรับการใช้งาน 5G อัปเกรดความโปรด้วยระบบกล้อง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยกล้องอัตราไวด์แบบใหม่ มีโหมดออโต้โฟกัส และรองรับการถ่ายภาพมาโคร, กล้องไวด์ใหม่ และกล้องเทเลโฟโต้ที่ซูมได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า รูรับแสงขนาดใหญ่ ชัตเตอร์ไวขึ้น นอยซ์ลดลง ให้รายละเอียดภาพชัดขึ้น ถ่ายภาพสวยทุกสภาพแสง ทั้งยังมีระบบกันสั่น ช่วยให้ภาพดูคมชัด วิดีโอดูนิ่ง แม้ผู้ถ่ายจะกำลังเคลื่อนไหวอยู่ก็ตาม 

iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
กล้อง 3 เลนส์ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
ภาพถ่ายมาโคร

iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มากับชิป A15 Bionic ชิปที่เร็วที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน มาพร้อม GPU แบบ 5-core สามารถรองรับการประมวลผลหนักๆ และกราฟิกระดับสูงได้ ตอบสนองฉับไว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การใช้งาน iPhone เหมาะทั้งการทำคอนเทนต์และเล่นเกม แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ใช้งานได้นานตลอดวัน และนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone

iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 8 ตุลาคม 2564 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max    

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง iPhone 13 และ iPhone 12 

  • ความจุ : iPhone 12 เริ่มที่ 64GB/128GB/256GB ส่วน iPhone 13 เริ่มที่ 128GB/256GB/512GB
  • ราคาเริ่มต้น : iPhone 12 เริ่มต้นที่ 25,900 บาท ส่วน iPhone 13 เริ่มต้นที่ 29,900 บาท 
  • กล้อง : iPhone 12 มากับกล้องไวด์ บันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ 4K สูงสุด 30 fps ส่วน iPhone 13 มากับกล้องอัตราไวด์ พร้อมโหมดภาพยนตร์ ความคมชัดระดับ 4K สูงสุดที่ 60 fps (fps มาก จะช่วยให้การถ่ายภาพและการแสดงภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้น)
  • ชิป : iPhone 12 มากับชิป A14 Bionic ส่วน iPhone 13 มากับชิป A15 Bionic
  • แบตเตอรี่ : iPhone 12 เล่นวิดีโอได้นานสุด 17 ชั่วโมง ส่วน iPhone 13 เล่นวิดีโอได้นานสุด 19 ชั่วโมง  

iPad Gen 9 และ iPad mini

iPad Gen 9 และ iPad mini
iPad Gen 9 และ iPad mini

อีกหนึ่งไฮไลท์ของการเปิดตัวโปรดัคส์ใหม่ iPad Gen 9 และ iPad mini มาพร้อมชิปอันทรงพลังและความสามารถที่เหนือชั้นขึ้นกว่าเดิม!

  • iPad Gen 9 
iPad Gen 9
iPad Gen 9
iPad Gen 9
iPad Gen 9

iPad Gen 9 มากับชิป A13 Bionic เร็วขึ้น 3 เท่า แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้นตลอดวัน รองรับการใช้งานกับ Apple Pencil รุ่น 1 และ Smart Keyboard กล้องหน้าแบบอัลตร้าไวด์ พร้อมด้วยฟังก์ชัน ‘จัดให้อยู่ตรงกลาง’ กล้องแพนตามได้ขณะที่ผู้ใช้งานกำลังเคลื่อนไหว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การวิดีโอคอล (FaceTime) เหมาะสมกับยุคสมัยแห่งการทำงานทางไกล จอภาพ Retina แสดงผลแบบ True tone มีเซ็นเซอร์วัดแสง ช่วยปรับสีภาพบนหน้าจอให้เหมาะสมกับอุณหภูมิสีภายในห้อง ภาพดูเป็นธรรมชาติและสบายตามากยิ่งขึ้น ความจุเริ่มต้นที่ 64GB สูงสุด 256GB มากกว่า iPad รุ่นเก่า 2 เท่า ตอบโจทย์การเรียน การทำงาน และความบันเทิงได้มากขึ้น   

  • iPad mini
iPad mini
iPad mini

iPad mini จิ๋วแต่แจ๋ว ดีไซน์ใหม่ขนาดกะทัดรัด มากับจอภาพขนาด 8.3 นิ้ว พกพาสะดวกขึ้น พร้อมชิป A15 Bionic อันทรงพลัง เพิ่มความเร็วให้การทำงานได้มากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 80% พอร์ต USB-C เชื่อมต่อถ่ายโอนได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 10 เท่า และรุ่น Cellular ที่รองรับ 5G ให้คุณทำงานหรือเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา กล้องหน้าสุดล้ำ พร้อมคุณสมบัติ ‘จัดให้อยู่ตรงกลาง’ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การวิดีโอคอล (FaceTime) 

iPad mini
iPad mini

iPad mini มากับ CPU แบบ 6-core และ GPU แบบ 5-core เหมาะกับการประมวลผลที่ใช้พลังงานมากและกราฟิกระดับสูง ใช้งานได้กับ Apple Pencil รุ่น 2 ไม่ว่าจะจดโน้ต จดเลคเชอร์ ทำงานประจำวัน หรือสร้างสรรค์งานศิลปะก็ราบรื่น 

นอกจากนั้น iPad Gen 9 และ iPad mini ยังมาพร้อม iPadOS 15 อัปเกรดความสามารถ มัสติทาสก์ได้ลื่นไหล ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ iPad ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ iPad 9, iPad mini

Apple Watch Series 7

ปิดท้ายกันที่การเปิดตัว Apple Watch ใหม่ Series 7 ปรับดีไซน์ให้สวยขึ้น ทนทานมากขึ้น และ watchOS 8 มากความสามารถ

 Apple Watch Series 7
Apple Watch Series 7

Apple Watch Series 7 มากับจอ Retina แบบคริสตัล แข็งแกร่งและทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา กันฝุ่นในระดับ IP6X และกันน้ำที่ระดับ WR50 ขอบจอเล็กลง ช่วยขยายมุมมองให้กว้างขึ้น หน้าจอติดตลอดเวลา ความสว่างเพิ่มขึ้น 70% ขนาดตัวอักษรใหญ่ขึ้นอีก 2 ขนาด คีย์บอร์ดแบบใหม่ ป้อนข้อความสะดวกกว่า ให้คุณใช้งาน Apple Watch ได้ง่ายขึ้น พร้อมหน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครอีก 2 แบบ คือ Contour และ Modular Duo แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 18 ชั่วโมง และพอร์ต USB-C ชาร์จเร็วขึ้น 33%

 Apple Watch Series 7
Apple Watch Series 7 กันน้ำที่ระดับ WR50

Apple Watch Series 7 ยังคงมาพร้อมเครื่องมือช่วยดูแลสุขภาพ เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, แอปวัดระดับออกซิเจนในเลือด, แอปสำหรับการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ เช่น ไทชิและพิลาทิส พร้อมอัปเกรดการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม พร้อมบริการโทรฉุกเฉินทันที, การหยุดพักและทำต่อ และการวัดแคลอรี่ขณะเคลื่อนไหวได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น 

 Apple Watch Series 7
Apple Watch Series 7 ฟีเจอร์โทรออกฉุกเฉิน

Apple Watch Series 7 มาพร้อมสายนาฬิกาโทนสีใหม่ และสามารถใช้งานกับสาย Apple Watch รุ่นก่อนหน้าได้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม Apple Watch Series 7 

การเปิดตัวครั้งนี้ Apple ปรับเปลี่ยนทั้งดีไซน์และอัปเกรดความสามารถใหม่ๆ ให้อุปกรณ์ของ Apple สามารถตอบโจทย์การใช้งานในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้มากยิ่งขึ้น ใครอ่านแล้วใจเริ่มสั่น อดใจรอกันอีกนิด ภายในปลายเดือนนี้เดี๋ยวได้ใช้กันแน่นอน!     

ติดตามข่าวสารและบทความอื่นๆ ได้ที่ www.officemate.co.th/blog หรือช้อปสินค้าคุณภาพดี หลากหลายรายการในราคาโปรโมชั่นสุดคุ้ม พร้อมบริการส่งฟรีเมื่อช้อปครบ 499 บาท คลิกเลย OfficeMate