ด้วยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่มาๆ หายๆ คาดเดาได้ยาก แถมบางวันยังมาแบบหนาตา เรียกว่ามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายคนจึงคิดที่อยากจะซื้อเครื่องฟอกอากาศเอามาใช้ในบ้าน หรือตั้งในออฟฟิศ วันนี้ OfficeMate มี 6 อย่างที่ต้องรู้ ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ! ไปดูกัน

ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ ต้องรู้ขนาดห้อง

เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในห้องเล็กๆ ทำให้เปลืองไฟและเปลืองงบ กลับกัน เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กในห้องใหญ่ๆ ก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศซักเครื่อง คือ คุณต้องรู้ขนาดห้องว่ามีขนาดกี่ตารางเมตร (กว้าง x ยาว) ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องนอน ขนาดห้องนั่งเล่น ขนาดห้องในออฟฟิศ หรือขนาดของพื้นที่ที่คุณต้องการจะติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เมื่อรู้ขนาดห้องแล้ว หลักการเลือกง่ายๆ คือ เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ระบุสเปคครอบคลุมกับขนาดห้องของคุณ เช่น ห้องขนาด 24 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่ระบุว่าใช้สำหรับห้องขนาด 20-25 ตารางเมตร เป็นต้น

เครื่องฟอกอากาศ

การรู้ขนาดห้อง จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมได้ ทั้งยังช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถดูดอากาศจากทุกมุมห้องมาฟอกให้สะอาดได้อย่างหมดจดอีกด้วย

ซื้อเครื่องฟอกอากาศไปตั้งในห้องไหน?  

นอกจากรู้ขนาดห้องแล้ว ควรรู้ประเภทของห้องเพื่อเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้องนั้นๆ เช่น หากเป็นห้องนอน ห้องทำงาน หรือออฟฟิศ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ทำงานเงียบ หรือมีโหมด Sleep เพื่อไม่ให้เสียงการทำงานของเครื่องไปรบกวนการทำงาน และการนอนหลับ ซึ่งระดับเสียงที่เหมาะสม ควรอยู่ไม่เกิน 30 เดซิเบล

ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ อย่าลืมดูค่า CADR

ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) คือ ปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ เป็นตัวชี้วัดว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำให้อากาศในห้องสะอาดบริสุทธิ์ได้มากน้อยเพียงใด เช่น CADR : 147 ลบ.ม. / ชั่วโมง แปลว่า ภายใน 1 ชั่วโมง เครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ สามารถฟอกอากาศให้สะอาดได้มากถึง 147 ลบ.ม. ยิ่งตัวเลขนี้มีค่าสูง ก็แปลว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานได้ดีนั่นเอง

ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ อย่าลืมดูค่า Air Volume

ค่า Air Volume / Air Flow / กำลังลม / ความเร็วลม เป็นค่าแสดงความเร็วในการกรองอากาศ ยิ่งค่านี้สูง เครื่องฟอกอากาศก็จะยิ่งสามารถทำความสะอาดและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเครื่องฟอกอากาศบางยี่ห้อผู้ใช้สามารถปรับความเร็วลมเองได้ หรือบางยี่ห้ออาจจะปรับค่าความเร็วลมให้เองอัตโนมัติหากตรวจพบว่าอากาศในห้องสกปรก มีฝุ่นหนา หรือมีสิ่งแปลกปลอมเยอะ   

ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ อย่าลืมทำความรู้จักกับ ‘แผ่นกรอง’

เครื่องฟอกอากาศ

แผ่นกรองเป็นตัวดักจับสิ่งสกปรก ฝุ่นขนาดเล็ก และสิ่งแปลกปลอมทั้งหลาย เรียกว่าเป็นหัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศเลยก็ว่าได้ แต่แผ่นกรองที่อยู่ภายในเครื่องฟอกอากาศมีด้วยกันหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็สามารถกรองฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมได้แตกต่างกันออกไป เช่น แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) สำหรับกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก, แผ่นกรอง Carbon สำหรับกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่จะใส่ Pre-filter เป็นแผ่นกรองชั้นแรก สำหรับกรองฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ ก็แนะนำให้มองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองอย่างน้อย 3 ชั้น และถ้าต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยสยบปัญหา PM 2.5 ได้ ก็ต้องเป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA อยู่ด้วย 

*ยิ่งแผ่นกรองมีความละเอียดสูงก็จะยิ่งกรองอากาศให้สะอาดได้มากขึ้น 

ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ อย่าลืมถามหาฟังก์ชันเสริม   

นอกจากหน้าที่หลักๆ ในการกรองอากาศแล้ว เครื่องฟอกอากาศบางยี่ห้อ ยังมีฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย เช่น ฟังก์ชันเพิ่มความชื้นในอากาศ ช่วยให้ผิวไม่แห้ง จมูกไม่แห้ง และหายใจได้สบายขึ้นเมื่ออยู่ในห้องแอร์, ฟังก์ชันดักจับยุง, ฟังก์ชันการฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัส และแบคทีเรียในอากาศ ด้วยแสง UV เป็นต้น ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณอาจพิจารณาฟังก์ชันเสริมเหล่านี้ร่วมด้วย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ควรเลือกแค่ที่จำเป็น เพราะยิ่งมีฟังก์ชันเสริมเยอะ เครื่องฟอกอากาศก็จะยิ่งราคาสูงตามไปด้วยค่ะ 

เมื่อรู้ทั้ง 6 ข้อนี้แล้ว OfficeMate รับรองว่าคุณจะสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับห้อง และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้แน่นอน! อย่าละเลยการให้ความสำคัญกับสุขภาพ ลงทุนกับเครื่องฟอกอากาศในวันนี้เพื่อสุขภาพปอดที่ดีในวันหน้า ช้อปเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ชั้นนำ ฟังก์ชันแน่น ประสิทธิภาพสูง พร้อมตอบสนองทุกความต้องการ และโปรโมชั่นสุดพิเศษ ได้เลยที่ เว็บไซต์ OfficeMate ช้อปวันนี้ *ส่งฟรีถึงที่เลย! 

ขอบคุณข้อมูลจาก