ผลสำรวจจาก Cigna บริษัทให้บริการด้านสุขภาพแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าคนไทย 52% มีความเครียดเพิ่มมากขึ้นเมื่อต้องทำงานที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกว่า 96% รู้สึกว่าตัวเองต้องเตรียมพร้อมทำงานอยู่ตลอดเวลา

หากลองวิเคราะห์สาเหตุจากผลสำรวจ การรู้สึกว่าต้องเตรียมพร้อมตอบไลน์ตอบอีเมลอยู่ตลอด นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราถูกคาดหวังจากคนอื่นๆ ว่าจะสามารถสแตนด์บายอยู่หน้าจอคอมได้ตลอดเวลา เพราะอยู่บ้านเวลาว่างเยอะ ไม่ต้องเดินทาง ไม่ได้ออกไปไหน จะทักมาทวงงานหรือเรียกประชุมตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ จนเวลาส่วนตัวถูกกลืนกินไปกับเวลาทำงาน ส่งผลให้เกิดความเครียด จากการที่ Work life balance ถูกทำลายไป

อีกอย่างคือการที่พื้นที่ทำงานและพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นพื้นที่เดียวกัน หันไปทางไหนก็เจอแต่ภาพเดิมๆ บวกกับเวลาทำงานที่ไม่ชัดเจน ไม่มีเส้นชัยอย่างเวลาเลิกงานให้พุ่งชน ทำให้ความแอคทีฟลดลงเรื่อยๆ และเมื่องานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็เกิดความเครียดสั่งสมมากขึ้นไปอีก

คลายเครียด Work from home

ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างเหล่านี้ ทำให้บางคนรู้สึกเครียด ชีวิตรวนเร ไม่เป็นระบบระเบียบเหมือนอย่างเคย แต่อย่าปล่อยเอาไว้จนเสียงานเสียการและเสียสุขภาพจิต OfficeMate มีทริคดีๆ 7 ข้อ ที่จะช่วยคลายเครียด ให้ชีวิตการทำงานที่บ้านดีขึ้น และเรียกคืนชีวิตอันเป็นระบบระเบียบกลับมา  

7 เทคนิค Work from home อย่างไรไม่ให้เครียด?

เข้า-ออกงาน เวลาเดิมเหมือนตอนทำงานที่ออฟฟิศ

ทำงานอยู่บ้านจะทำตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งอาจทำให้ชั่วโมงทำงานไหลไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ตัว เพราะไม่ต้องพะวงเรื่องการเดินทาง ไม่ต้องห่วงรถติด ตกเย็นค่ำมืดก็ไม่มีใครมาปิดไฟไล่ แต่หากเป็นแบบนี้บ่อยๆ เวลาที่ควรจะเลิกงานและเวลาส่วนตัวที่เอาไว้พักผ่อนจะถูกกลืนกินหายไป ซึ่งจะทำให้ Work life balance พังตามไปด้วย OfficeMate แนะนำว่า ให้เข้างานตามเวลาของออฟฟิศ พยายามทำงานให้เสร็จตามกำหนด และปิดคอมทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน ทางที่ดีควรงดตอบอีเมล หรือตอบไลน์เรื่องงาน เพื่อบอกให้คนอื่นๆ รู้ว่านี้เป็นเวลาเลิกงานของเราแล้ว 

ลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัว ทานอาหารเช้า

ทำงานที่บ้าน ตื่นเช้ามาก็นั่งหน้าคอมทำงานได้ทันที เพราะกิจวัตรที่ต้องรีบตื่นรีบอาบน้ำโหนรถสาธารณะไปออฟฟิศนั้นไม่มีอีกแล้ว แต่ OfficeMate แนะนำว่า ให้ตั้งปลุกเวลาเดิม เหมือนกับตอนที่ต้องออกไปทำงานออฟฟิศ จากนั้นก็ลุกขึ้นอาบน้ำให้สดชื่น แต่งหน้าแต่งตัวและทานอาหารเช้าเพิ่มพลัง การทำกิจวัตรเดิมๆ จะส่งผลต่อความรู้สึก ให้เรารู้สึกตัวว่ากำลังจะต้องไปทำงาน เป็นเทคนิคเล็กๆ ที่ช่วยเพิ่มความแอคทีฟนั่นเองค่ะ 

หาพื้นที่ทำงานเฉพาะกิจ ไม่นั่งทำงานบนเตียง

คลายเครียด Work from home

ความสบายของการทำงานที่บ้าน คือจะนั่งทำงานตรงไหนอย่างไรก็ได้ แต่ข้อห้ามสำคัญเลยก็คือ ห้ามนั่งทำงานบนเตียงเด็ดขาด เพราะสมองจดจำเอาไว้ว่าเตียงคือพื้นที่สำหรับนอนพักผ่อน การนั่งทำงานบนเตียงจึงชวนให้ง่วง และไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานได้เท่าที่ควร เมื่องานไม่เสร็จเพราะเผลองีบก็ต้องมานั่งเครียดอีกระลอก

นอกจากนั้นการกึ่งนั่งกึ่งนอนยังทำให้ปวดหลัง ทางที่ดีจัดพื้นที่สำหรับนั่งทำงานเอาไว้โดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลาก็เดินไปทำงาน พอเลิกงานก็ออกจากพื้นที่ตรงนั้น เสมือนกลับจากออฟฟิศ เป็นเทคนิคช่วยแยกพื้นที่ทำงานออกจากพื้นที่พักผ่อน ทั้งยังช่วยเซฟสุขภาพคอบ่าไหล่ได้อีกด้วย 

ถึงจะทำงานที่บ้าน แต่เก้าอี้ก็ต้องนั่งสบาย

อีกหนึ่งอย่างที่เป็นสาเหตุของความเครียดเมื่อต้องทำงานที่บ้าน คือ เก้าอี้ที่นั่งไม่สบาย ส่งผลให้ปวดคอบ่าไหล่ หลายคนปวดลุกลามไปจนถึงศีรษะและกระบอกตา เมื่อปวดมากก็ย่อมทำให้เสียสมาธิ คิดงานไม่ออก ไม่สามารถจดจ่อกับงานได้ และเมื่อยิ่งเครียดก็ยิ่งทำให้ปวดหนักกว่าเดิม OfficeMate แนะนำว่าให้ลงทุนกับเก้าอี้นั่งทำงานดีๆ ซักตัว แล้วคุณจะพบว่าแค่เปลี่ยนเก้าอี้ก็ทำให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นได้จริงๆ ไม่เชื่อต้องลองนะคะ 

  • เก้าอี้นั่งทำงานที่บ้าน ช้อปได้เลยที่ OfficeMate     

ทำงานติดกันหลายชั่วโมง อย่าลืมหาเวลาพักเบรก

ผลการวิจัยจากเว็บไซต์ฮาร์วาร์ดบิสสิเนตรีวิว (Hardvard Business Review) ระบุว่า ระยะเวลาการทำงานที่สมดุล และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานได้ คือ ทำงาน 57 นาที และพักเบรก 17 นาที ดังนั้น ช่วงที่ต้องทำงานที่บ้าน ลองกำหนดเวลาทำงาน สลับกับการพักเบรกช่วงสั้นๆ อาจจะออกไปชงกาแฟ เช็กโซเชียล เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือดูคลิปตลกๆ ให้ผ่อนคลาย จะช่วยลดความตึงเครียดลงได้ ทั้งยังเป็นการพักสายตาจากหน้าจอคอมที่มีแสงสีฟ้า ซึ่งอาจทำให้ปวดตาได้อีกด้วย

หาอะไรทำยามว่าง จะได้ไม่จดจ่ออยู่กับความเครียด

เวลาอกหักให้หาอะไรทำจะได้คิดเรื่องอื่น ถ้าทำงานที่บ้านแล้วเครียดก็ใช้เทคนิคเดียวกันเลยค่ะ วันหยุดหรือเวลาว่างหลังเลิกงาน ลองหางานอดิเรกอื่นๆ ทำ เช่น อ่านหนังสือ, ฝึกทำขนมตามตำรา, เล่นเกมทำลายสถิติของตัวเอง, ฝึกภาษาที่ 3, ชาเล้นจ์ออกกำลังกาย หรือหาคอร์สออนไลน์เรียนเพิ่มทักษะ เพื่อดึงความสนใจของเราไปที่เรื่องอื่นๆ ไม่จดจ่ออยู่กับความเครียด และช่วยให้การอยู่บ้านน่าเบื่อลดลง เพราะยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำทดแทนการออกไปข้างนอกนั่นเอง 

เสร็จงานแต่ละวันอย่าลืมให้รางวัลตัวเอง

คลายเครียด Work from home

เสร็จงานแล้วก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเอง ด้วยการทำช่วงเวลาพักผ่อนหลังเลิกงานให้มีค่าและผ่อนคลายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังสักเรื่อง ดูซีรีย์ที่ชอบ เล่นเกม สั่งอาหารอร่อยๆ มากิน นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ หรือช้อปปิ้งออนไลน์แก้เครียด เป็นอีกเทคนิคช่วยแบ่งเวลาส่วนตัวออกจากเวลาทำงานได้ 

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ชาวเราก็คงต้องหาวิธีคลายเครียดด้วยตัวเองไปพลางๆ หวังว่าเทคนิคทั้ง 7 ข้อที่เรานำมาบอกต่อกันในวันนี้ จะช่วยให้ชาวออฟฟิศที่ตอนนี้ต้องนั่งทำงานที่บ้านหายเครียดได้บ้าง แล้วเมื่อถึงเวลาที่ได้ออกไปใช้ชีวิตเมื่อไหร่ ก็ค่อยสนุกให้เต็มที่นะคะ OfficeMate เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ช้อปอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานที่บ้านราบรื่นขึ้น ได้เลยที่ OfficeMate!

ขอบคุณข้อมูลจาก
brandinside.asia / thematter / sanook