หลายคนที่ต้อง Work from home คงมองหาอุปกรณ์จำเป็นมาช่วยเสริมให้การทำงานที่บ้านราบรื่นขึ้น วันนี้ OfficeMate มาพร้อม ลิสต์อุปกรณ์ Work from home ที่ควรมี พร้อมเทคนิคการเลือกอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นให้ตอบโจทย์กับการทำงานที่บ้านมากที่สุด

ไปดูกันว่านอกจากลิสต์ของที่ต้องมีแล้ว เลือกแบบไหนจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น!

โน้ตบุ๊ก สำหรับ Work from home

อุปกรณ์ชิ้นแรกสำหรับ Work from home ที่ไม่มีไม่ได้ ก็คือ ‘โน้ตบุ๊ก’ อุปกรณ์ไอทีที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะทำงาน เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง และอื่นๆ ตามต้องการ ยิ่งในยุคที่สถานการณ์บ้านเมืองผันผวนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด การมีโน้ตบุ๊กดีๆ ซักเครื่องติดบ้านเอาไว้ จะช่วยให้คุณพร้อมทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา

อุปกรณ์ Work from home

เลือกโน้ตบุ๊ก Work from home แบบไหนดี? :

  • โน้ตบุ๊กสำหรับใช้งานทั่วไป แนะนำให้เลือกโน้ตบุ๊กที่มีความจุ SSD ตั้งแต่ 128-256 GB พร้อมแรมความจุ 8 GB ก็เพียงพอสำหรับความเร็วในการเปิด-ปิดเครื่อง การอ่าน และถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ สำหรับขนาดหน้าจอของโน้ตบุ๊ก ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและไลฟ์สไตล์การทำงาน หากคุณชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยพกโน้ตบุ๊กออกไปไหน อาจเลือกโน้ตบุ๊กหน้าจอขนาดใหญ่ จะช่วยให้มองเห็นชัด ไม่ต้องเพ่งสายตามาก แต่ถ้าชอบพกพาโน้ตบุ๊กออกไปทำงานนอกบ้าน หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ถือว่ากำลังดี ไม่ใหญ่ไป พกพาติดตัวสะดวกกว่าค่ะ
  • โน้ตบุ๊กสำหรับใช้งานเฉพาะทาง สำหรับคนทำงานกราฟิก โปรแกรมเมอร์ ตัดต่อ ทำ 3D รวมถึงงานเฉพาะทางอื่นๆ อาจต้องพิถีพิถัน เลือกโน้ตบุ๊กสเปคสูงๆ เพื่อการใช้งานที่ราบรื่น แนะนำให้เลือกโน้ตบุ๊กที่มีความจุ SSD 512 GB ขึ้นไป ขนาดหน้าจอควรเป็นขนาดใหญ่ ความคมชัดสูง ที่สำคัญ ต้องมี ‘การ์ดจอแยก’ ซึ่งเป็นการ์ดจอสำหรับประมวลผลงานกราฟิกหรือเล่นเกมโดยเฉพาะ  จะช่วยให้มองเห็นสีชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน และแสดงรายละเอียดต่างๆ รวมถึงภาพเคลื่อนไหวได้ดีกว่า 

อ่านบทความเพิ่มเติม : เทคนิคอ่านสเปค เลือกซื้อโน้ตบุ๊กให้ตอบโจทย์การใช้งาน

 ช้อป โน้ตบุ๊ก สำหรับ Work from home

เม้าส์ สำหรับ Work from home

เพราะการใช้ทัชแพดของโน้ตบุ๊กอาจไม่เสถียรและไม่ฟังก์ชันพอ ‘เม้าส์’ จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ Work from home ที่ควรมี 

เลือกเม้าส์ Work from home แบบไหนดี? :

  • เลือกเม้าส์แบบไร้สาย ให้คุณเคลื่อนย้ายไปใช้งานได้สะดวกทุกมุมบ้าน หรือพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ง่าย
  • เลือกเม้าส์ที่คลิกง่าย และขนาดพอดีอุ้งมือ จะช่วยให้ไม่รู้สึกเมื่อยเมื่อต้องใช้งานเป็นเวลานาน
  • เม้าส์ไร้สายสำหรับใช้งานทั่วไป ควรมีค่า DPI หรือความไวอยู่ในช่วง 800-1,600 DPI แต่ถ้าต้องการเม้าส์ไร้สายสำหรับเล่นเกม ควรเลือกเป็นเม้าส์เกมเมอร์โดยเฉพาะ จะมีค่า DPI สูงกว่า ตอบสนองได้ไว โดยที่ไม่ต้องขยับข้อมือเยอะ 
  • เม้าส์ไร้สายที่เชื่อมต่อด้วย USB ติดตั้งง่าย และส่งสัญญาณได้เสถียรกว่า แต่สำหรับใครที่มีอุปกรณ์หลากหลาย ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็ปเล็ต ฯลฯ เลือกเม้าส์ไร้สายที่เชื่อมต่อด้วย Bluetooth จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อเม้าส์ใช้งานกับทุกๆ อุปกรณ์ได้ง่าย    

ช้อป เม้าส์ สำหรับ Work from home

อุปกรณ์ Work from home

คีย์บอร์ด สำหรับ Work from home

ถัดจากเม้าส์ ก็มาต่อกันที่อุปกรณ์เสริมอย่าง ‘คีย์บอร์ด’ แม้โน้ตบุ๊กจะมีคีย์บอร์ดในตัวอยู่แล้ว แต่การใช้คีย์บอร์ดมาตรฐานแยกออกมาจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการพิมพ์ได้มากกว่า 

เลือกคีย์บอร์ด Work from home แบบไหนดี? :

  • เลือกคีย์บอร์ดแบบไร้สาย ให้คุณเคลื่อนย้ายไปใช้งานได้สะดวกทุกมุมบ้าน หรือพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ง่าย มีทั้งแบบ USB และบลูทูธ 
  • สำหรับคนทำงานเกี่ยวกับตัวเลข บัญชี ไฟแนนซ์ แนะนำให้เลือกคีย์บอร์ดไร้สายที่มาพร้อมแป้นพิมพ์ตัวเลขแยก แม้จะมีขนาดใหญ่กว่า แต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยเปลี่ยนภาษา ช่วยลดความผิดพลาดให้การทำงานด้านตัวเลขได้เป็นอย่างดี 
  • เพื่อความทนทานและใช้งานได้ยาวนาน ควรเลือกคีย์บอร์ดไร้สายที่ออกแบบมาให้กันน้ำ หรือทำความสะอาดง่าย

ช้อป คีย์บอร์ด สำหรับ Work from home

แท็บเล็ต สำหรับ Work From Home

แท็บเล็ต เรียกว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากความสามารถ ใช้งานได้หลากหลายตามแต่ใจผู้ใช้จะต้องการ ไม่ว่าจะใช้เพื่อความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง ใช้ทำงาน ตอบอีเมล ประชุมทางไกล หรือใช้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะในวันที่เบื่อๆ เซงๆ ก็ย่อมได้

เลือกแท็บเล็ต Work from home แบบไหนดี? :

  • สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ต มีทั้งแบบ IOS, Android และ Windows แต่ละแบบเหมาะกับฟังก์ชันการใช้งานต่างกัน แถมราคาก็ยังต่างกันพอสมควร
  • ความจุของแท็บเล็ต หากเลือกแบบความจุสูงๆ จะช่วยให้อัปเดตหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ มาเก็บไว้ใช้งานได้เยอะกว่า แต่ราคาก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
  • จะซื้อแท็บเล็ตทั้งที แนะนำให้ซื้อแบบ Wi-Fi + Cellular จะสามารถใช้งานได้แม้ในที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • หากคิดแล้วว่าต้องพกพาแท็บเล็ตออกนอกสถานที่บ่อยๆ ก็ควรเลือกที่ขนาดหน้าจอประมาณ 7-8 นิ้ว แต่ถ้าต้องการซื้อมาทำงานที่บ้าน เชื่อมเม้าส์ หรือคีย์บอร์ดแยก ซื้อแบบหน้าจอขนาด 9-12 นิ้ว จะทำงานได้สะดวกกว่า

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

เครื่องปริ้น สำหรับ Work from home

แม้ยุคนี้จะเน้นทำงานกันแบบออนไลน์ ทุกเอกสารเก็บได้บนคลาวน์สโตร์เรจ แต่ในบางสายงาน เอกสารอาจยังจำเป็นอยู่ อุปกรณ์ที่ควรมีสำหรับ Work from home อีกหนึ่งชิ้น ก็คือ ‘เครื่องปริ้น’ 

เลือกเครื่องปริ้น  Work from home แบบไหนดี? :

  • เครื่องปริ้นสำหรับใช้งานที่บ้านควรเป็นเครื่องปริ้นที่ขนาดกะทัดรัด ตั้งบนโต๊ะได้แบบไม่เปลืองพื้นที่ 
  • แนะนำให้เลือกเครื่องปริ้นมัลติฟังก์ชัน ด้วยฟีเจอร์ครบครัน ทั้งพิมพ์ ถ่ายเอกสาร และสแกน จะช่วยให้คุณจัดการงานเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งงานต่อได้ฉับไว
  • เครื่องปริ้นที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย จะช่วยให้คุณสั่งพิมพ์งานได้จากทุกมุมบ้าน และแชร์เครื่องปริ้นให้สมาชิกครอบครัวใช้งานด้วยได้ 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

เก้าอี้ สำหรับ Work from home

ทำงานที่ออฟฟิศ อาจมีสวัสดิการดีๆ อย่างเก้าอี้นั่งสบาย แต่เมื่อต้อง Work from home เก้าอี้ที่บ้านอาจไม่ตอบโจทย์การนั่งทำงานเท่าไหร่นัก ใครที่ตอนนี้เปลี่ยนมาทำงานที่บ้านแบบเต็มตัว รับงานฟรีแลนซ์ หรือต้องทำงานที่บ้านหลายชั่วโมงต่อวัน ลงทุนกับเก้าอี้เอาไว้ OfficeMate รับรองว่าจะเป็นผลดีต่อสุขภาพคอ บ่า ไหล่ ในระยะยาวแน่นอน 

อุปกรณ์ Work from home

เลือกเก้าอี้ Work from home แบบไหนดี? :

เก้าอี้สำหรับนั่งทำงานที่บ้าน ควรจะนั่งสบายและนั่งได้นานไม่ต่างจากเก้าอี้ที่ออฟฟิศ OfficeMate แนะนำให้เลือกเก้าอี้ Ergonomic เก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่เหมาะสำหรับกับการนั่งงานนานๆ เพราะจะช่วยซัพพอร์ตสรีระ และช่วยจัดท่านั่งทำงานของเราให้ถูกต้อง ด้วยองค์ประกอบที่ยืดหยุ่นสูง ทุกส่วนปรับได้ตามความเหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้งานแต่ละคน ทั้งที่รองคอ พนักพิงหลัง ที่พักแขน เบาะรองนั่ง รวมถึงระดับความสูงต่ำ ให้คุณนั่งทำงานได้สบายยิ่งขึ้น และนั่งไม่ผิดท่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ Office Syndrome

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

เอ็กซ์เทอร์นัลฮาร์ดดิสก์ สำหรับ Work from home

‘เอ็กซ์เทอร์นัลด์ฮาร์ดดิสก์’ อุปกรณ์เสริมสำหรับเก็บข้อมูล ช่วยคุณพกพาข้อมูลจำนวนมหาศาลทั้งภาพถ่าย งานกราฟิก วิดีโอ งานตัดต่อ และอีกมากมาย ติดตัวไปได้ทุกที่ อีกหนึ่งอุปกรณ์ Work from home ควรมี เพื่อความสะดวกสบายในยามที่คลาวน์สโตร์เรจใช้งานไม่ได้ ความจุในโน้ตบุ๊กมีไม่เพียงพอ หรือข้อมูลกินพื้นที่จนคอมพิวเตอร์โหลดช้า  

เลือกเอ็กซ์เทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ Work from home แบบไหนดี? :

  • เอ็กซ์เทอร์นัลด์ฮาร์ดดิสก์มีความจุให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 1 TB, 2 TB, 4 TB และ 5 TB ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนของข้อมูลที่ต้องการเก็บ 
  • เลือกเอ็กซ์เทอร์นัลด์ฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB 3.0 และ 2.0 จะสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ Mac และ Windows ทั้งยังช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว 
  • หากต้องเก็บข้อมูลสำคัญ หรือข้อมูลระดับท็อปซีเคร็ต แนะนำให้เลือกเอ็กซ์เทอร์นัลด์ฮาร์ดดิสก์ที่มีฟีเจอร์ ‘รหัสผ่าน’ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

กล้องเว็บแคม สำหรับ Work from home

‘กล้องเว็บแคม’ อุปกรณ์เสริมช่วยให้คุณประชุมงานทางไกลจากที่บ้านได้แบบไม่สะดุด เหมาะสำหรับใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์ PC หรือสำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊ก กล้องเว็บแคมที่มีคุณภาพก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การประชุมงานทางไกลของคุณได้มากกว่าการใช้กล้องเสริมของแล็ปท็อป  

เลือกกล้องเว็บแคม Work from home แบบไหนดี? :

  • เพื่อการประชุมทางไกลที่ไม่ติดขัด แนะนำให้เลือกกล้องเว็บแคมที่ความคมชัดสูง อยู่ในระดับ HD ไปจนถึง Full HD จะช่วยให้คู่สนทนาเห็นภาพได้ชัดเจน ไม่ว่าจะใบหน้า กระดาษ กระดาน หรือสิ่งของอื่นๆ ที่ต้องการ
  • เลือกกล้องเว็บแคมที่มีไมโครโฟนในตัว เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น และอาจเลือกแบบที่มีฟีเจอร์เสริมอย่าง ตัดเสียงรบกวน จะช่วยให้การส่งสารไม่ผิดพลาด และไม่มีเสียงแวดล้อมกวนใจ  
  • เลือกกล้องเว็บแคมที่เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB ให้คุณสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้ง หรือลงโปรแกรมเพิ่มให้ยุ่งยาก

หูฟัง สำหรับ Work from home

เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การประชุมทางไกล สื่อสารกันชัดเจน ส่งต่อข้อมูลกันได้แบบไม่ผิดพลาด ‘หูฟัง’ จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่คน Work from home ควรมี  

อุปกรณ์ Work from home

เลือกหูฟัง Work from home แบบไหนดี? :

  • หูฟังมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เราแนะนำให้เลือกเป็นหูฟังไร้สาย เพื่อความคล่องตัว ไม่มีสายระโยงระยางเกะกะ จนมืออาจเผลอไปปัดสายหลุด ทำให้พลาดการประชุมทางไกล
  • หูฟังไร้สายมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ Earbuds / In-Ear / Headphone ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามความชอบ 
  • เลือกหูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อด้วยบลูทูธ 5.0 จะช่วยให้เชื่อมต่อได้เสถียร ไม่ดีเลย์ หรือกระตุกขณะใช้งาน  

เครื่องขยายสัญญาณไวไฟ สำหรับ Work from home

ความเสถียรของอินเทอร์เน็ตหรือไวไฟ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเมื่อต้องทำงานที่บ้าน เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้การทำงาน ประชุมทางไกล แชร์งานได้ไวไม่ต้องรอ คนทำงานที่บ้าน จึงควรมี ‘เครื่องขยายสัญญาณไวไฟ’ (Wifi Extender) เพื่อให้คุณสามารถทำงานที่บ้านได้จากทุกมุมบ้าน ไม่ต้องกังวลกับจุดอับสัญญาณที่ไวไฟอาจเข้าไม่ถึง  

เลือกเครื่องขยายสัญญาณไวไฟ Work from home แบบไหนดี? :

  • หากคุณชอบเปลี่ยนพื้นที่ทำงาน หรือมีสมาชิกครอบครัวหลายคน แนะนำให้เลือกเครื่องขยายสัญญาณไวไฟที่มีเสาอากาศจำนวนมาก จะช่วยกระจายสัญญาณได้เร็ว และไกลมากยิ่งขึ้น แชร์สัญญาณกันได้แบบไม่สะดุดไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้านก็ตาม
  • เครื่องขยายสัญญาณไวไฟที่มีเทคโนโลยี Beamforming จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสัญญาณ เข้าถึงจุดอับของบ้าน และสามารถส่งสัญญาณทะลุทะลวงสิ่งกีดขวาง อย่างกำแพง หรือผนังได้ดีกว่า
  • เลือกเครื่องขยายสัญญาณไวไฟที่ใช้งานได้กับ 2 คลื่นความถี่ คือ 2.4 GHz และ 5 GHz เพื่อความครอบคลุมในการใช้งาน    

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

จอมอนิเตอร์ สำหรับ Work from home

‘จอมอนิเตอร์’ อุปกรณ์ work from home ช่วยเพิ่มพื้นที่การทำงาน ใครต้องสวิตช์รับผิดชอบงานหลายอย่าง อยากเพิ่มหน้าจอเพื่อประชุมทางไกล หรือจอโน้ตบุ๊กเล็กไปไม่สะใจ จอมอนิเตอร์เสริมช่วยได้!

อุปกรณ์ Work from home

เลือกจอมอนิเตอร์ Work from home แบบไหนดี? :

  • จอมอนิเตอร์สำหรับทำงานที่บ้าน สามารถเลือกขนาดหน้าจอได้ตามใจชอบ แต่สำหรับคนทำงานด้านกราฟิก ตัดต่อ โปรแกรมเมอร์ หรืออยากได้จอมอนิเตอร์ไปเล่นเกม แนะนำให้เลือกขนาดหน้าจอ 23 นิ้วขึ้นไป บวกกับความคมชัดระดับ Full HD และเฟรมเรทที่ 144 Hz แม้ราคาจะสูงขึ้นมาหน่อยแต่รับรองว่าประสิทธิภาพความคมชัด จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน 
  • อีกหนึ่งเทคโนโลยีของจอมอนิเตอร์ที่อยากแนะนำ คือ IPS (In-Plane Switching) จะช่วยให้ภาพและสีสันบนหน้าจอมอนิเตอร์สมจริงมากขึ้น ใครทำงานกราฟิกที่ต้องเช็กสีจริงก่อนส่งพิมพ์หรือขึ้นหน้าเว็ป เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานได้แน่นอน

เครื่องสำรองไฟ สำหรับ Work from home

‘เครื่องสำรองไฟ’ อุปกรณ์ Work from home ช่วยกู้วิกฤตยามฉุกเฉิน เมื่อไฟเกิดกระตุก หรือดับขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว เครื่องสำรองไฟจะช่วยให้คุณมีเวลากด Save งาน หรือแบ็กอัพข้อมูลได้ทันถ่วงที ทั้งยังช่วยลดความเสียหายให้คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กในกรณีเกิดไฟกระชาก  

เลือกเครื่องสำรองไฟ Work from home แบบไหนดี? :

  • เครื่องสำรองไฟ สำหรับใช้งานที่บ้าน แนะนำให้เลือกเครื่องสำรองไฟแบบ Line Interactive UPS สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด และมีอุปกรณ์ช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้เสถียรอยู่ตลอดเวลา ลดความเสียหายและช่วยถนอมคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กของเราได้ 
  • กำลังไฟฟ้าของเครื่องสำรองไฟที่เหมาะสำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ควรอยู่ที่ 300-500 วัตต์ 
  • แนะนำให้เลือกเครื่องสำรองไฟที่สามารถสำรองไฟได้นาน 10-30 นาที จะช่วยให้คุณมีเวลา Save งาน และแบ็กอัพข้อมูลได้ทัน 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

ปลั๊กพ่วง สำหรับ Work from home

อุปกรณ์ Work from home ชิ้นสุดท้าย แต่ไม่มีไม่ได้ คือ ‘ปลั๊กพ่วง’ ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณให้มากขึ้น ไม่ต้องขยับขยายหรือเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งทำงานใกล้ปลั๊กไฟบ้าน สร้างความยืดหยุ่นให้พื้นที่ทำงานได้เป็นอย่างดี ในกรณีที่ปลั๊กไฟบ้านมีไม่มากพอ แต่มีอุปกรณ์หลายชนิดที่ต้องการใช้ ปลั๊กพ่วงก็ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน 

เลือกปลั๊กพ่วง Work from home แบบไหนดี? :

  • สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่ต้องเช็กก่อนซื้อปลั๊กพ่วง คือ มองหาเครื่องหมาย มอก.
  • ปลั๊กพ่วงสำหรับทำงานที่บ้าน แนะนำให้มีความยาวสายไฟ 50 เซนติเมตรขึ้นไป จะสะดวกสบายกว่า ให้คุณสามารถนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ตามใจชอบ 
  • ปลั๊กพ่วงควรมีสวิตช์เปิด-ปิด จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า และไม่ต้องคอยชักปลั๊กอุปกรณ์ออกทุกครั้งหลังใช้งาน
  • ปลั๊กพ่วงที่มีช่องเสียบ USB ตอบโจทย์เรื่องความสะดวก ใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลายขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มอะแดปเตอร์
  • แนะนำให้เลือกปลั๊กพ่วงที่มีม่านนิรภัย โดยเฉพาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง  

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน อย่าปล่อยให้ความไม่พร้อมมาเป็นอุปสรรค! ช้อปอุปกรณ์ Work from home ราคาดี คุณภาพสูง กับ OfficeMate ให้คุณพร้อมทำงานที่บ้านได้อย่างเต็มที่ โปรเจคใหญ่แค่ไหนก็เอาอยู่ คลิกเลย เว็บไซต์ OfficeMate