ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ถ้าใครที่เข้ามาอ่านบทความนี้พร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมใช้ไขควงไขสกรูแล้วหัวสกรูพังตลอด หรือไม่ก็ไขไม่ออก สรุปมันต้องใช้ยังไงกันแน่? ถือว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ เพราะไขควงเป็นหนึ่งในหลายๆ ชนิดของเครื่องมือช่างที่ใกล้ตัวเรามาก พบเห็นได้บ่อยครั้งในกล่องเครื่องมือช่าง และเชื่อว่าแทบทุกบ้านคงจะมีไขควงติดบ้านกันอยู่แล้วอย่างน้อยๆ ซัก 1 อัน แต่ทำไมการใช้งานไขควงถึงเป็นปัญหาค้างคามาตลอด วันนี้ออฟฟิศเมทจะพามาหาคำตอบกันครับ

ไขควง_ความแตกต่างสกรูและน็อต

สกรู กับ น็อต แยกออกจากกัน

เบื้องต้นก่อนไปรู้จักไขควง มารู้จักสกรูกับน็อตกันก่อนดีกว่าครับ เพราะไขควงกับสกรูและน็อตเป็นของคู่กัน  หลายคนมักเรียกสกรูว่าน็อต อาจทำให้ช่างหรือพนักงานขายเข้าใจผิดได้ จริงๆ แล้ว “สกรู” เรียกทับศัพท์จากภาษาอังกฤษคำว่า Screw นั่นเอง เป็นน็อตตัวผู้ มีลักษณะเป็นทรงกระบอกมีเกลียวโดยรอบ ปลายแหลมหรือปลายตัดขึ้นอยู่กับแต่ละประเภท หัวสกรูก็แตกต่างกันไป ซึ่งหัวสกรูนี่แหละครับที่เราต้องใช้ไขควงมาไข ส่วน “น็อต” เพี้ยนมาจากภาษาอังกฤษคำว่า Nut เป็นน็อตตัวเมีย มีลักษณะคล้ายวงแหวน เป็นรูข้างในมีเกลียว ใช้หมุนครอบสกรูนั่นเอง

เลือกไขควงให้ถูกกับหัวสกรูและน็อต

จากที่หลายๆ คนมักเจอกับปัญหาเรื่องการไขสกรูไม่ออกบ้าง หรือไขจนหัวสกรูพังใช้งานต่อไม่ได้ จริงๆ แล้วปัญหานี้มักเกิดมาจากความเข้าใจผิดของผู้ใช้ ที่มักคิดว่า ไขควงอันเดียวก็ต้องไขสกรูได้ครอบจักรวาน ไม่ว่าจะสกรูหน้าไหนก็ต้องไขได้ นี่จึงเป็นที่มาของความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะหัวสกรูถ้าพังไปแล้ว แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้นะครับ ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องมานั่งปรับทัศนคติ เอ้ย! นั่งศึกษาทำความเข้าใจกันใหม่ คือไขควงมีหลายแบบและหลายไซส์ ซึ่งไขควงแต่ละแบบก็สร้างมาเพื่อการไขสกรูหรือน็อตที่แตกต่างยังไงละครับ เพื่อให้คุณสามารถเลือกไขควงไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ให้ทำตาม 2 Step นี้กันเลยครับ

Step 1: เลือกชนิดของไขควง

อย่างที่บอกไปว่าหัวไขควงมีความหลากหลายรูปแบบ ซึ่งใช้ไขหัวน็อตและสกรูที่แตกต่างกันด้วย แฉกของไขควงมากเท่าไหร่ จะทำให้เกิดแรงขณะไขมากขึ้น จึงเป็นการเพิ่มความแน่นให้กับชิ้นงาน เรามาทำความรู้จักไขควงกันดีกว่าว่า มีไขควงชนิดไหนบ้างที่เราพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง

ไขควงทั่วไป
(ขอบคุณภาพจาก: mechanicalbooster.com)
  • ไขควงปากแบน

ไขควงปากแบนหรือที่เรียกว่า Slotted ปากมีลักษณะแบน ใช้กับสกรูที่มีเพียงร่องเดียว เป็นไขควงที่มีมานานที่สุด เรียกได้ว่าเป็นแบบแรกของไขควงก็ว่าได้ ลักษณะไขควงปากแบน ไม่อยากแนะนำให้ใช้กับสว่าน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ปากไขควงจะหลุดออกจากหัวสกรูได้ง่าย เพราะมีเพียงร่องเดียว และอาจทำให้หัวสกรูพังได้ ไขควงแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตาแล้ว เพราะพบเห็นได้บ่อยๆ กับงานไม้อย่างพวกเฟอร์นิเจอร์นั่นเองครับ

  • ไขควงปากแฉก (Phillips)

ไขควงปากแฉกหรือที่เรียกว่า Phillips ชื่อนี้ได้มาจากผู้คิดค้นคือ Henry Phillips นั่นเอง หรือหลายคนเรียกว่า Cross slot เนื่องจากเมื่อมองที่ปลายไขควง จะมีลักษณะเหมือนกากบาทนั่นเอง ไขควงปากแฉกถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องมือช่างที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือพวกสว่านไฟฟ้า เพื่อเป็นการย่นระยะในการไขสกรูนั่นเอง ใช้กับงานที่ต้องการความแน่นมากกว่าแบบแรก

  • ไขควงปากแฉก (Prozidrive)

ไขควงอีกชนิดที่ทำให้เราสับสนได้ง่าย เป็นไขควงแบบแฉก Prozidrive ซึ่งมีความคล้ายแบบแรก แต่มีความต่างอยู่ที่ระหว่างร่อง Slot ทั้ง 4 จะมีร่องเล็กๆ ที่ทำมุม 45 องศาด้วยนั่นเอง หากไม่สังเกตดีๆ หลายคนก็จะใช้ไขควงแฉกทั้งสองแบบนี้สลับกันไปมา ทำให้หัวน็อตมีปัญหาหรือพัง ไขควงหัวแฉก Prozidrive เหมาะสำหรับใช้กับสว่านเช่นกัน และเนื่องจากมีร่องที่มากกว่าจึงทำให้ไขชิ้นงานได้แน่นกว่านั่นเอง

  • ไขควงหกแฉก

ไขควงหกแฉกหรือที่เรียกว่า Torx เป็นไขควงที่นิยมใช้กันมากในงานเกี่ยวกับด้านยานยนต์ หรือช่างส่วนใหญ่นิยมเรียกว่าไขควงแฉกดาวด้วยลักษณะหกแฉก และด้วยความที่มีถึง 6 แฉกทำให้เกิดจุดรับน้ำหนักมากขึ้นเมื่อลงแรงหมุนลงไป และไขง่ายขึ้น จึงถือเป็นการยืดอายุการใช้งานของทั้งไขควงและหัวสกรูไปพร้อมๆกัน เหมาะกับการใช้ร่วมกับสว่าน เพราะสามารถรองรับสปีดการหมุนที่เร็วและมีความเสียงเรื่องหัวไขควงหลุดออกจากสกรูน้อยกว่าแบบอื่น

  • ไขควงหกแฉกเพื่อความปลอดภัยเฉพาะ

ไขควงหกแฉกเพื่อความปลอดภัยเฉพาะ หรือเรียกว่า Security Torx จะพบเห็นได้บนอุปกรณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง แต่นอกเหนือจากความปลอดภัยจากรูปลักษณ์หกแฉกของไขควงแล้ว การใช้สกรูชนิดนี้ จะเพิ่มความปลอดภัยในเรื่องการถูกแกะชิ้นส่วนของอุปกรณ์นั่นๆ มากกว่า เพราะไขควงหัวหกแฉกแบบนี้หายากนั่นเอง

  • ไขควงแบบหกเหลี่ยม

ไขควงแบบหกเหลี่ยมหรือที่รู้จักในชื่อ Hex หรือ Hexagon ซึ่งมีความหมายว่า “หก” ไขควงชนิดนี้มีปากลักษณะหกเหลี่ยม มักใช้กับหัวน็อตมากกว่าสกรู ด้วยลักษณะการใช้งานที่เป็นเหมือนการครอบหัวน็อตไว้ จึงไม่ทำให้เกิดการลื่นหลุดออกจากหัวน็อตแม้จะใช้งานกับสว่านไฟฟ้าที่มีความแรงสูง ข้อดีของไขควงแบบนี้คือ ช่วยให้งานเสร็จไวและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับชิ้นงาน

Step 2: เลือกใช้ไขควงให้ถูกไซส์

นอกเหนือจากความแตกต่างเรื่องลักษณะของหัวไขควงแล้ว ไขควงแต่ละแบบยังมีไซส์ที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ผลิตได้ทำออกมาให้สอดคล้องกับหัวน็อตและสกรู ซึ่งการเลือกขนาดของไขควงที่ถูกต้อง จะทำให้ใช้กับงานได้ง่ายขึ้นและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับหัวสกรูและน็อตอีกด้วยครับ

สำหรับไซส์ของไขควงที่เราจะใช้ ให้เริ่มดูที่ไซส์ของสกรูกันก่อน ไซส์ของสกรูเป็นไซส์ที่แปรผันตามกับไซส์ของสกรูทั้งชิ้น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงส่วนใดส่วนหนึ่งของสกรู หรือไม่ใช่เฉพาะส่วนหัวสกรู เปรียบง่ายๆเหมือนกับไซส์ของรองเท้า หรือเสื้อผ้านั่นเองครับ เราสามารถดูไซส์ของสกรูได้จากข้างกล่อง หรือวัดขนาดตามความกว้างของก้านสกรู ทีนี้เราก็สามารถเลือกไขควงได้ถูกไซส์กับชนิดหัวสกรูและขนาดของสกรูแล้วนะครับ

เลือกซื้อไขควงที่ได้มาตรฐาน

นอกจากปัญหาเรื่องการใช้ไขควงไขสกรูไม่ออกแล้ว ยังมีเรื่องของไขแล้วหัวสกรูพัง เกิดจากการที่เราเลือกซื้อไขควงที่ไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง เพราะไขควงที่ไม่ได้มาตรฐานจะมีขนาดของปากไขควงทั้งความกว้างและความลึกไม่เหมาะสมกับหัวสกรู ทำให้หัวสกรูและน็อตบิ่นอีกด้วย รวมถึงมีความแข็งแรงน้อย ทำให้ไขควงแตกหัก ดังนั้นเมื่อเลือกซื้อไขควง ให้เราศึกษาและเลือกซื้อแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดและได้มาตรฐานจะดีกว่าครับ

และสำหรับใครที่มีน็อตหรือสกรูที่ต้องการไขอยู่แล้ว ก่อนซื้อไขควงแนะนำให้หยิบน็อตหรือสกรูติดไปด้วย จะได้ซื้อไขควงได้อย่างถูกต้องและถูกไซส์ไปเลยครับ

หวังว่าทุกคนคงจะได้ความรู้กันไปแล้วนะครับ การจะเลือกใช้ไขควงไม่ให้หัวสกรูพังต้องทำยังไง จาก 2 Step ง่ายๆ ที่กล่าวมา ครั้งหน้าไม่ว่าคุณจะไขสกรูหรือน็อตคงเลือกใช้ไขควงได้อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้งานพัง ไม่เสียเวลา และไม่เกิดอันตรายกับผู้ใช้งาน และใครที่มองหาไขควงไว้ติดบ้าน หรือต้องการเพิ่มไซส์ไขควงเพื่อให้ครอบคลุมสกรูและน็อต สามารถเลือกซื้อออนไลน์ได้ที่ออฟฟิศเมท พร้อมบริการส่งให้ฟรี*อีกด้วยนะครับ

ที่มา: wonkeedonkeetools.co.ukmechanicalbooster.com