รองเท้าเซฟตี้นั้นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ในการทำงานที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีในส่วนของโรงงาน คลังสินค้า หรือกิจการที่มีความเสี่ยงในการใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมในการทำงานเป็นหลัก ถึงแม้ว่าการเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้จะไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีตัวแทนจำหน่าย รวมถึงข้อมูลสินค้าของรองเท้าเซฟตี้อยู่แล้ว แต่การเลือกซื้อให้ได้มาตรฐานของรองเท้าเซฟตี้นั้น ผู้สั่งซื้อจำเป็นที่จะต้องมีความรู้และเข้าใจเรื่องมาตรฐาน และคุณภาพของรองเท้าเซฟตี้ ที่สำคัญคือต้องเลือกรองเท้านิรภัยมาใช้งานให้ถูกกับประเภทของการทำงานด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ที่ได้มาตรฐาน และใช้งานได้ตรงตามประเภทของงาน เราจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าเซฟตี้และวิธีในการเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานมาแนะนำกัน

การเลือกรองเท้าเซฟตี้สำคัญยังไง?

อย่างที่ทราบกันว่ารองเท้าเซฟตี้หรือรองเท้านิรภัย ถูกนำไปใช้เมื่อต้องทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย อย่างงานในเขตก่อสร้าง งานในโรงงานที่มีการใช้เครื่องจักร หรืองานคลังสินค้า ที่มีการใช้รถโฟล์คลิฟท์ หรือการทำงานในพื้นที่ที่มีวัตถุระเบิด หรือกระแสไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งสามารถเกิดอุบัติเหตุกับเท้าของเราได้ หากไม่ระมัดระวังในการทำงาน และอุบัติเหตุก็เป็นเรื่องไม่แน่นอน ดังนั้นควรสวมใส่รองเท้าเซฟตี้ที่ถูกประเภทเพื่อเป็นการป้องกันเท้าไว้ก่อนดีที่สุด ด้วยองค์ประกอบและวัสดุที่ใช้ผลิตรองเท้าเซฟตี้ สามารถลดอุบัติเหตุได้จากการถูกทิ่มแทง หรือเจาะ หรือถูกกดทับด้วยของหนักและเครื่องจักร รวมถึงรองเท้าเซฟตี้ยังป้องกันกระแสไฟฟ้าได้อีกด้วย

วัสดุที่นำมาทำรองเท้าเซฟตี้

รองเท้าเซฟตี้นั้นตามมาตรฐานของ มอก. และ EN20345 มีการกำหนดเอาไว้ว่าสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุสองประเภทเท่านั้น คือ หนังแท้และหนังเทียม แต่หนังแท้และหนังเทียมก็ยังมีรายละเอียดและชนิดที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงกรรมวิธีในการนำมาผลิต สามารถแยกออกเป็นประเภทได้ดังนี้

รองเท้าเซฟตี้

ประเภทของหนังแท้ที่ใช้ทำรองเท้าเซฟตี้

  • หนังผิวแท้ หนังประเภทนี้คือหนังสัตว์แท้ๆ ที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีในการขัดหรือเจียร ทำให้รองเท้าสามารถระบายอากาศได้ดี ดูเป็นธรรมชาติและมีผิวสัมผัสที่ดูมีราคา
  • หนังชั้นรอง เป็นหนังที่ผ่านขั้นตอนของการเจียรหรือขัดเพียงเล็กน้อย โดยรูปแบบของการเจียรนั้นจะทำให้เป็นผิวเรียบไม่มีลวดลาย ให้ผิวสัมผัสแบบเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่จะบางกว่าหนังชนิดหนังแท้
  • หนังชั้นรองที่มีตำหนิ เป็นประเภทของหนังที่ถูกการเจียรและเติมแต่งลวดลายลงไป เพื่อปกปิดรอยตำหนิของหนัง โดยราคาของหนังชนิดนี้จะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับความมากน้อยของรอยตำหนินั้นๆ ด้วย
  • หนังชั้นใน ลักษณะของหนังชนิดนี้จะเป็นขนๆ ไม่มีความเรียบเนียนเหมือนหนังชนิดอื่นๆ ซึ่งการนำไปทำรองเท้านั้นจะต้องผ่านการขัดและตกแต่งให้ผิวเรียบเสียก่อน ซึ่งกรรมวิธีนี้ทำให้หนังชนิดนี้มีความทนทานน้อยลง

ประเภทของหนังเทียมที่ใช้ทำรองเท้าเซฟตี้

  • หนังไมโครไฟเบอร์ เป็นหนังเทียมที่มีการผลิตขึ้นจากใยสังเคราะห์ต่างๆ ที่มีขนาดเล็ก โดยรองเท้าเซฟตี้ที่ทำจากหนังไมโครไฟเบอร์ส่วนมากนั้นจะมีผิวเรียบ น้ำหนักเบาใช้งานได้เป็นเวลานานไม่แพ้หนังแท้ แต่จะทนต่อความร้อนได้น้อยกว่า
  • หนังพียู เป็นหนังที่มีสัมผัสไม่ต่างจากหนังแท้ โดยรองเท้าหนังพียูจะมีความนิ่ม นุ่มนวลใส่สบาย แต่หนังพียูนั้นมีอยู่หลายเกรด ทำให้มีราคาขายแตกต่างกัน
  • หนังพีวีซี รองเท้าเซฟตี้ที่ผลิตจากหนังชนิดนี้จะไม่ทนต่อความชื้น ความร้อน การใช้งานจึงเหมาะในกรณีของงานทั่วไปและไม่อันตรายมากนัก

วิธีเลือกรองเท้าเซฟตี้ให้ถูกต้อง

เมื่อทราบถึงชนิดของหนังที่นำมาผลิตรองเท้าเซฟตี้กันแล้ว คราวนี้ลองมาดูวิธีการเลือกรองเท้าเซฟตี้ให้เหมาะสมกันบ้าง โดยวิธีในการเลือกซื้อรองเท้านิรภัยนั้นสามารถใช้หลักการ 3 ข้อนี้ คือ

เลือกให้เหมาะสมกับงาน

งานที่ต้องใส่รองเท้าเซฟตี้นั้นโดยปกติแล้วจะเป็นลักษณะของงานที่ต้องอยู่ในโรงงาน งานประกอบรถยนต์ เครื่องบิน งานซ่อมแซมอาคาร หรืองานที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า เป็นต้น และเนื่องจากรองเท้าเซฟตี้แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทำให้เหมาะกับลักษณะของงานที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ก็ควรเลือกซื้อรองเท้าที่มีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้าสถิต เพราะเมื่อใดก็ตามที่ต้องทำงานในสถานที่ที่มีไฟฟ้ารั่ว ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้าก็ย่อมมีมากขึ้นด้วย การใส่รองเท้านิรภัยที่มีเป็นฉนวนกันไฟฟ้าจึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงได้

เลือกขนาดรองเท้าเซฟตี้ให้เหมาะสมกับเท้า

รองเท้าเซฟตี้

ขนาดของรองเท้าเซฟตี้ก็เป็นส่วนที่สำคัญไม่น้อยในการนำมาพิจารณาเลือกซื้อรองเท้านิรภัย เพราะหากคุณใส่รองเท้าที่หลวมเกินไป โอกาสที่รองเท้าจะหลุดขณะปฏิบัติงานก็มีมากทำให้เกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้ง่าย นอกจากนี้การใส่รองเท้าที่คับเกินไปก็ยังทำให้รู้สึกอึดอัดเท้าและเจ็บเท้าได้ รวมถึงด้วยสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่ใช้งานรองเท้าเซฟตี้ จะมีทั้งความชื้น หรือร้อนเกินไป ทำให้เท้าอับชื้นได้ง่าย ฉะนั้นแล้วการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับสรีระของเท้า ไม่ว่าจะเป็นขนาด หรือเข้ากับทรงเท้าได้ดีก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการทำงานได้มากขึ้น

เลือกรองเท้าเซฟตี้ที่ได้มาตรฐาน

ตามหลักสากลนั้นมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ถูกกำหนดให้มีอยู่สองรูปแบบด้วยกันคือ มาตรฐานรองเท้านิรภัยยุโรป EN345 และ มาตรฐานรองเท้านิรภัย ANSIZ41.1 โดยมาตรฐานของรองเท้าทั้งสองประเภทนั้นมีข้อกำหนดดังนี้

มาตรฐานรองเท้านิรภัยยุโรป EN345

  1. หัวรองเท้าจะต้องมีการป้องกันแรงกระแทกได้สูงถึง 200 จูล
  2. ผ่านการทดสอบของแรงบีบอัดได้
  3. บริเวณส่วนบนของรองเท้านั้นจะต้องมีความหนาที่เพียงพอและสามารถต้านทานของการขัดสีได้ในระดับที่มาตรฐานกำหนดไว้
  4. พื้นรองเท้าต้องสามารถที่จะทนต่อความร้อนได้ดี ต้านทานการขัดสี และสามารถรับแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังต้องทนทานต่อสารเคมีหรือน้ำมันบางชนิดที่มีข้อกำหนด

อักษรย่อตามมาตรฐาน EN345

ทั้งนี้มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ EN345 ยังมีข้อบังคับให้ผู้ผลิตระบุอักษรย่อเพื่อบอกคุณสมบัติของรองเท้าเอาไว้ดังนี้

  1. SB (Safety Basic) สำหรับรองเท้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน
  2. SBP (SB with pierce resistant midsole) สำหรับรองเท้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานพร้อมพื้นต้านทานการแทงทะลุ
  3. S1 (SB with anti-static sole and cushioned heel area) สำหรับรองเท้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานพร้อมพื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต
  4. S1P (S1 with pierce resistant midsole) สำหรับรองเท้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานพร้อมพื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต รวมทั้ง พื้นต้านทานการแทงทะลุ
  5. S2 (S1 with water resistant upper) สำหรับรองเท้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานพร้อมพื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต รวมทั้ง ส่วนบนต้านทานน้ำ
  6. S3 (S2 with pierce resistant midsole) สำหรับรองเท้าที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานพร้อมพื้นและบริเวณส้นต้านทานไฟฟ้าสถิต ส่วนบนต้านทานน้ำ รวมทั้ง พื้นต้าน ทานการแทงทะลุ

มาตรฐานรองเท้านิรภัย ANSIZ41.1

  1. หัวของรองเท้าต้องทนต่อการถูกตกกระแทก หรือแรงบีบได้
  2. รองเท้าจะต้องมีแผ่นป้องกันกระดูกเท้าส่วนบน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่กระดูกเท้าด้านบนจะแตกหรือหักจากแรงตกกระแทกได้
  3. รองเท้าจะต้องสามารถกระจายไฟฟ้าสถิตได้ โดยไม่เพียงแต่ต้องป้องกันการถูกไฟดูดเท่านั้น แต่รองเท้ายังต้องเป็นตัวนำไฟฟ้าให้กระจายลงสู่พื้นได้ด้วย
  4. รองเท้าตัวนำ จะต้องมีคุณสมบัติปล่อยไฟฟ้าสถิตจากร่างกายลงสู่พื้นได้ดี เพื่อป้องการไฟฟ้าสถิตสะสม และอาจเป็นอันตรายได้เมื่อเข้าไปทำงานในจุดที่มีวัตถุหรือสารระเบิด
  5. รองเท้าจะต้องมีความทนทานเพียงพอไม่ให้มีการถูกเจาะทะลุ ส่วนสำคัญของรองเท้าเซฟตี้ตามมาตรฐานข้อนี้อยู่ที่พื้นรองเท้า
  6. รองเท้ากระจายไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นำคุณสมบุติเรื่องการกระจายไฟฟ้าสถิตออกจากตัวผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถต้านทานกระแสไฟฟ้าไม่ให้ไฟดูดได้
รองเท้าเซฟตี้

การเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้เป็นเรื่องสำคัญและควรใส่ใจ ไม่ใช่เพราะตัวรองเท้า แต่เป็นเพราะหน้างานที่เราจะสวมใส่รองเท้าเซฟตี้เข้าไปปฏิบัติงาน มีลักษณะเนื้องานที่ต่างกัน บางสถานที่มีความเสี่ยงเรื่องวัตถุแหลมทิ่มแทง บางสถานที่เป็นจุดที่มีคามเสี่ยงเรื่องกระแสไฟฟ้า ไม่ว่าเราจะเป็นจัดซื้อขององค์กรหรือซื้อไว้ใช้งานเองก็ตาม ควรมีความรู้ความเข้าใจในรองเท้าเซฟตี้และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะสมกับหน้างาน ก็จะสามารถลดอุบัติเหตุในงานได้ไม่ยากเลย

ใครที่กำลังมองหารองเท้าเซฟตี้ที่ได้มาตรฐาน สามารถมาเลือกซื้อได้ที่เว็บไซต์ OfficeMate มีให้เลือกหลากหลายแบบ พร้อมทั้งบริการจัดส่งให้ฟรีถึงที่ทำงานและที่บ้าน เมื่อซื้อครบ 499 บาท สะดวกสบายในการสั่งซื้อจริงๆ ครับ

ที่มา: thai-safetywiki.com 

1 CommentClose Comments