อุบัติเหตุในโรงงานเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มีตั้งแต่ สภาพร่างกายไม่แข็งแรง ความประมาท เหม่อลอย ขาดประสบการณ์ ไม่ชำนาญในเครื่องมือ อุปกรณ์/เครื่องมือ/เครื่องจักรชำรุด ระบบภายในโรงงานไม่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญคือ การทำงานโดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกันตัว

ในความเป็นจริงแล้วโรงงานมีหลัก Safety first ที่ต้องปฏิบัติ ตามพรบ. ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ที่บัญญัติไว้ว่า ‘เจ้าของโรงงานหรือนายจ้างต้องรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยด้านการปฏิบัติงาน โดยต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยทุกประเภทให้ครบถ้วนและพอเพียง’ ซึ่งถ้าละเลยจะมีโทษทั้งในทางแพ่งและอาญา

ดังนั้น ในฐานะเจ้าของโรงงานหรือใครทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร ไปดูกันดีกว่าค่ะว่า อุปกรณ์ป้องกันภัยหรืออุปกรณ์เซฟตี้ ที่จำเป็นต้องมีนั้น มีอะไรบ้าง?

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment, PPE)

อุปกรณ์เซฟตี้ มีชื่อเป็นทางการว่า อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment) หรือ PPE เป็นอุปกรณ์สำหรับสวมใส่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจากการทำงาน ได้แก่

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันใบหน้า

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันใบหน้า หรือ หน้ากากนิรภัย เป็นอุปกรณ์สำหรับป้องกันระบบหายใจ สามารถใช้กรองอนุภาคแขวนลอยที่ปะปนอยู่ในอากาศ เช่น ฝุ่นควัน ฟูมโลหะ (อนุภาคของโลหะที่กระจายตัวอยู่ในอากาศ) ไอระเหยจากก๊าซหรือสารเคมี เป็นต้น สำหรับโรงงานที่มีฝุ่นละอองน้อย อาจใช้เป็นหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N95 แทนได้ แต่สำหรับโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี สารระเหย หรือโรงงานที่พนักงานต้องเจอกับฝุ่นละอองตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ จำเป็นต้องใช้หน้ากากกันฝุ่นชนิดกรองอากาศแบบมีไส้กรอง จะมีประสิทธิภาพในการกรองสารแขวนลอยต่างๆ มากกว่านั่นเองค่ะ

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันดวงตา

อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับป้องกันดวงตา จะช่วยให้ดวงตาของคุณปลอดภัยจากสารเคมี เศษโลหะ เศษไม้ และอื่นๆ โดยปกติอุปกรณ์ป้องกันดวงตาแบบพื้นฐานที่ทุกโรงงานต้องมี คือ แว่นตานิรภัย ซึ่งมีหลายแบบแตกต่างกันไปตามลักษณะของงาน แว่นตานิรภัยส่วนใหญ่จะเป็นแว่นลักษณะใส่ครอบตา มีทั้งแบบทำจากพลาสติก สำหรับป้องกันการกระแทกหรือเศษวัสดุ เหมาะกับงานเจียระไน งานไม้ งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ฯลฯ แต่หากเป็นโรงงานที่ตัดหรือเชื่อมโลหะ ควรใช้เป็นหน้ากากเชื่อมโดยเฉพาะ จะสามารถป้องกันฝุ่น แสง รังสี และความร้อนได้ดีกว่าค่ะ

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันมือ

การทำงานในโรงงานซึ่งต้องหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ถุงมือนิรภัย จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เซฟตี้ที่จำเป็นอย่างยิ่งและที่สำคัญคือต้องเลือกถุงมือให้เหมาะสมตามลักษณะของงาน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้หยิบจับอะไรไม่ถนัดหรือการป้องกันที่ไม่ดีพอนั่นเองค่ะ ชนิดของถุงมือนิรภัยแบ่งตามลักษณะเนื้องาน ได้ดังนี้

  • ถุงมือใยหิน สำหรับป้องกันความร้อนหรือไฟ
  • ถุงมือใยโลหะ สำหรับงานที่ต้องหั่น ตัด หรือจับของมีคม
  • ถุงมือยาง สำหรับงานไฟฟ้า แต่ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับไฟฟ้าแรงสูง ต้องสวมถุงมือหนังทับอีก 1 ชั้น
  • ถุงมือยางไวนีล/ถุงมือยางนีโอพรีน สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี
  • ถุงมือหนัง สำหรับงานไม้ งานโลหะ งานขัดผิว แกะสลัก หรืองานเชื่อมที่ไม่ได้ใช้ความร้อนสูง
  • ถุงมือหนังเสริมใยเหล็ก สำหรับงานหลอมหรือถลุงโลหะ
  • ถุงมือผ้า สำหรับงานทั่วไป ใช้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหรือของมีคมอย่างมีด
  • ถุงมือผ้าแบบเคลือบน้ำยา สำหรับงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีเล็กน้อย เช่น งานบรรจุกระป๋อง หรืองานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันเท้า

รองเท้านิรภัยอุปกรณ์เซฟตี้ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทก ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนิ้วเท้า เท้า และข้อเท้า มีหลายชนิด เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น

  • รองเท้านิรภัยแบบหัวโลหะ รับน้ำหนักตัวได้มากถึง 1,100 กิโลกรัม และทนแรงกระแทกของวัตถุที่หนักราวๆ 20 กิโลกรัมได้เป็นอย่างดี เหมาะกับผู้ทำงานก่อสร้าง
  • รองเท้านิรภัยแบบหุ้มข้อ ทำจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ ใช้เป็นฉนวนกันกระแสไฟในงานไฟฟ้า
  • รองเท้านิรภัยป้องกันสารเคมี ทำจากไวนิล นีโอพรีน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์ที่สามารถทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีได้ มีทั้งแบบหัวรองเท้าธรรมดาและหัวโลหะ
  • รองเท้านิรภัยแบบหุ้มแข้ง ใช้ในงานถลุงโลหะ หลอมโลหะ และงานเชื่อมต่างๆ สำหรับป้องกันความร้อนจากการถลุงและป้องกันการกระรเด็นของโลหะที่หลอมเหลว
  • รองเท้านิรภัยแบบพื้นไม้ ใช้ในโรงงานที่พื้นเปียกชื้นตลอดเวลา เช่น โรงงานผลิตเบียร์ เป็นต้น   

ทั้งนี้ทั้งนั้น รองเท้านิรภัยจะต้องสวมใส่สะดวกและถอดออกได้ง่ายในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันหู

อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับป้องกันหู จะช่วยลดแรงกระแทกจากคลื่นเสียงที่อาจเป็นอันตรายกับแก้วหูและกระดูกหู เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ใช้เครื่องเจาะปูน เป็นต้น อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันหู มี 2 แบบ คือ

ที่อุดหู (Ear plug) มีลักษณะเป็นจุกยางเล็กๆ ใช้อุดเข้าไปในรูหู ทำมาจากไฟเบอร์กลาส ยาง โฟม ขี้ผึ้ง หรือฝ้าย ซึ่งที่อุดหูไฟเบอร์กลาสจะป้องกันเสียงได้ดีที่สุด ช่วยลดความดังได้ถึง 20 เดซิเบล แต่ข้อเสียคือแข็ง อาจทำให้ระคายเคืองได้ง่าย ส่วนที่เป็นยาง จะช่วยลดความดังได้ 15-30 เดซิเบล และแบบฝ้าย จะช่วยลดความดังได้เพียง 8 เดซิเบลเท่านั้น 

ที่ครอบหู (Ear muff) มีลักษณะคล้ายหูฟังแบบไร้สายใช้ครอบหูทั้งสองข้าง บริเวณที่ครอบหูจะมีวัสดุป้องกันเสียงอยู่ แล้วบุทับด้วยโฟม พลาสติก หรือยาง เพื่อใช้เป็นตัวดูดซับเสียงอีกชั้นหนึ่ง ช่วยลดความดังของเสียงได้มากถึง 40 เดซิเบล ที่ครอบหูบางชนิดยังออกแบบให้มีเครื่องมือสื่อสารในตัว เพื่อสะดวกในการประสานงาน โดยไม่ต้องถอดที่ครอบหูออกนั่นเองค่ะ

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันศีรษะ

ใช้สำหรับป้องกันของแข็งตกกระทบศีรษะ ส่วนใหญ่ตัวหมวกจะทำมาจากพลาสติกแข็ง โลหะ หรือไฟเบอร์กลาส (ใยแก้ว) หมวกนิรภัยนิยมใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าแรงสูง งานบนที่สูง และงานดับเพลิง ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าหมวกนิรภัยตามท้องตลาดมีหลายสี ซึ่งบางครั้งในหลายๆ โรงงาน ก็ใช้สีของหมวกเพื่อแยกตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลากรอีกด้วยค่ะ

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันการตกจากที่สูง

อุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นนี้เป็นตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยหากคุณต้องทำงานบนพื้นที่สูง เช่น งานก่อสร้าง งานเช็ดกระจก งานไฟฟ้า ฯลฯ เข็มขัดนิรภัยที่ได้มาตรฐาน ควรเป็นลักษณะของสายรัดลำตัว คาดยาวตั้งแต่หัวไหล่ หน้าอก เอว และช่วงขา เพื่อเอาไว้ช่วยพยุงตัว หากต้องทำงานบนที่สูงและโล่ง ไม่มีจุดให้ยึดเกาะ

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันลำตัว

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันลำตัว เรียกว่า เสื้อนิรภัย ใช้ป้องกันอันตรายจากสารเคมี ความร้อน ตะกั่ว หรือสะเก็ดไฟ ซึ่งเสื้อนิรภัยที่ใช้ในงานต่างชนิดกันก็ทำมาจากวัสดุต่างกัน เช่น เสื้อนิรภัยป้องกันสารเคมี จะทำจากโพลีเมอร์ที่ทนต่อฤทธิ์ของสารเคมีได้ เสื้อนิรภัยกันความร้อนทำจาก ผ้าทอเส้นใยแข็้งเคลือบผิวด้านนอกด้วยอะลูมิเนียม แต่ถ้าต้องการใช้เพื่อป้องกันการติดไฟ ต้องใช้เสื้อนิรภัยที่ชุบด้วยสารป้องกันไฟ และสุดท้ายคือเสื้อนิรภัยตะกั่ว ทำจากผ้าใยแก้วฉาบผิวด้วยตะกั่ว ใช้สำหรับป้องกันร่างกายจากรังสีต่างๆ

การสวมใส่อุปกรณ์เซฟตี้ขณะทำงาน นอกจากจะเป็นการทำตามกฎหมายความปลอดภัยในโรงงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกน้องของคุณให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลัง ในฐานะของการเป็นเจ้าของโรงงาน จึงต้องเลือกอุปกรณ์เซฟตี้ที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับงาน สภาพดีและไม่ชำรุด เพื่อการป้องกันอุบัติเหตุให้แก่ผู้สวมใส่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสำหรับใครที่มองหาอุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐาน ไว้ใจได้ ร้านค้าออฟฟิศเมทของเรามีอุปกรณ์เซฟตี้ดีๆ ให้คุณเลือกซื้อได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมราคาพิเศษ เข้ามาช้อปกันเลยค่ะ คลิก!

0 CommentsClose Comments

Leave a comment