การเลือกหลอดไฟสำหรับใช้งานในบ้าน นอกจากเลือกที่ชนิดของหลอดไฟแล้ว (‘เลือกหลอดไฟแบบไหนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งาน’) การเลือกแสงสีของหลอดไฟก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแสงจากหลอดไฟ สามารถส่งผลไปถึงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พบเห็น หลอดไฟที่มีแสงสีต่างกัน จึงสามารถปรับอารมณ์ และเสริมสร้างบรรยากาศในห้องให้แตกต่างกันได้นั่นเอง

ทำความรู้จักแสงสีของหลอดไฟกันก่อน

แสงสีของหลอดไฟ หากเป็นศัพท์ทางเทคนิคจะเรียกว่า ‘อุณหภูมิของสี’ มีหน่วยเป็นองศาเคลวิน หรือ เคลวิน (K) ยิ่งอุณหภูมิต่ำ แสงสีที่เปล่งออกมาจากหลอดไฟก็จะออกไปในสีโทนร้อน อย่าง สีส้ม สีแดง หรือสีเหลือง แต่ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น แสงไฟก็จะออกมาในสีโทนเย็น อย่าง สีขาวหรือสีฟ้า ซึ่งหลอดไฟในปัจจุบัน สามารถแบ่งอุณหภูมิของสี ได้ 3 ชนิด ได้แก่ วอร์มไวท์ (Warm white), คูลไวท์ (Cool white) และ เดย์ไลท์ (Daylight)

ขอบคุณรูปภาพจาก dsignsomething.com

1.หลอดไฟวอร์มไวท์ (Warm white)

หลอดไฟวอร์มไวท์ (Warm white) มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,000 – 3,000 เคลวิน ให้แสงสีเหลืองเข้ม ไปจนถึงสีส้ม ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น โรแมนติก ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังเป็นแสงไฟที่สบายตาที่สุด

2.หลอดไฟคูลไวท์ (Cool white)

หลอดไฟคูลไวท์ (Cool white) มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 – 5,000 เคลวิน ให้แสงสีขาวในโทนอุ่น มีความนวล ความสว่างจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง หลอดไฟวอร์มไวท์ กับ หลอดไฟเดย์ไลท์ เป็นแสงไฟที่ให้ความสบายตา ทั้งยังให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา

3.หลอดไฟเดย์ไลท์ (Daylight)

หลอดไฟเดย์ไลท์ (Daylight) มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 6,000 เคลวิน ให้แสงสีขาวที่เหมือนแสงในธรรมชาติ ถือเป็นแสงสีที่สว่างมากที่สุด ช่วยให้มองเห็นได้ชัด ทั้งยังให้ความรู้สึกสดใส กระปรี้ประเปร่า ช่วยให้กระฉับกระเฉง และรู้สึกตื่นตัว 

รู้จักแสงสีของหลอดไฟกันไปแล้ว คราวนี้ไปดูกันดีกว่าว่า ลักษณะของห้องแบบนี้ควรใช้หลอดไฟแสงสีแบบไหนถึงจะช่วยสร้างบรรยากาศ และเหมาะกับการใช้งาน หรือทำกิจกรรมในห้องนั้นๆ ได้จริง

ห้องแบบนี้…เลือกใช้หลอดไฟแบบไหนดี?

หลอดไฟสำหรับห้องทำงาน

หลอดไฟสำหรับห้องทำงาน

สำหรับห้องทำงาน บรรยากาศในห้องควรจะสว่างสดใส เอื้อให้รู้สึกกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น และแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา จึงควรเลือกหลอดไฟเดย์ไลท์ เพื่อให้ห้องดูสว่าง ทั้งยังช่วยให้มองเห็นรายละเอียดของงานที่ทำอยู่ได้ชัดเจน ช่วยให้สีของชิ้นงานไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอีกด้วย

ใครที่ไม่มีห้องทำงานแยกเป็นสัดส่วน แต่ต้องทำงานในห้องนอนที่ใช้แสงไฟโทนอุ่น ก็ให้เลือกโคมไฟโต๊ะทำงานที่เป็นหลอดไฟเดย์ไลท์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ได้ไม่ต่างกันค่ะ

หลอดไฟสำหรับห้องนอน

แสงไฟในห้องนอน ควรให้บรรยากาศที่อบอุ่น สงบ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลาย ในห้องนอนจึงควรเลือกใช้หลอดไฟวอร์มไวท์ แสงในโทนสีส้มจะทำให้สบายตา เอื้อให้ร่างกายรู้สึกสบาย และสงบก่อนนอน ทำให้นอนหลับได้สนิทนั่นเองค่ะ 

หลอดไฟสำหรับห้องนอน

แต่สำหรับใครที่มีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ในห้องนอน การแต่งหน้าด้วยแสงไฟแบบวอร์มไวท์จะทำให้มองเห็นสีของเมคอัพบนหน้าผิดเพี้ยน ดังนั้นในส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งควรใช้หลอดไฟเดย์ไลท์ ที่ให้ความสว่าง และให้แสงที่เหมือนกับแสงธรรมชาติ จะช่วยให้คุณสาวๆ แต่งหน้าได้สวย มองเห็นสีของเมคอัพไม่มีผิดเพี้ยนแน่นอน

หลอดไฟสำหรับห้องนั่งเล่น และห้องรับแขก

หลอดไฟสำหรับห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก

ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก สามารถเลือกใช้หลอดไฟได้ทั้ง 3 แบบ ตามความชอบส่วนตัว เพราะถือเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่มีการทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น บ้านไหนที่ชอบดูภาพยนตร์ร่วมกัน อาจเลือกใช้หลอดไฟวอร์มไวท์ สร้างบรรยากาศแบบโรงหนัง หรือบ้านไหนมีผู้สูงอายุที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเก้าอี้หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น ก็อาจเลือกเป็นหลอดไฟคูลไวท์ที่ช่วยตัดแสงจากหน้าจอทีวี และให้ความสว่าง แต่ไม่สว่างจ้าจนแสบตา เป็นต้น

หลอดไฟสำหรับห้องน้ำ

หลอดไฟสำหรับห้องน้ำ

หลอดไฟเดย์ไลท์ จะช่วยให้ห้องน้ำดูสะอาด ทั้งยังช่วยให้มองเห็นสวิตช์ไฟ และสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน เวลาคุณผู้ชายโกนหนวดจะได้ไม่โดนบาด ช่วยป้องกันอุบัติเหตุในทางอ้อมได้ แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบผ่อนคลาย อยากทิ้งตัวในอ่างอาบน้ำ จุดเทียนหอม และฟังเพลงคลอเบาๆ ก็อาจเลือกเป็นหลอดไฟวอร์มไวท์ จะช่วยให้ห้องน้ำมีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่ในสปาเลยล่ะค่ะ

หลอดไฟสำหรับห้องครัว

หลอดไฟสำหรับห้องครัว

สำหรับห้องครัว หรือโซนที่ใช้ประกอบอาหาร ควรใช้หลอดไฟเดย์ไลท์ ที่ให้แสงสีขาวและสว่างอย่างทั่วถึง มองเห็นวัตถุดิบ และเครื่องครัวต่างๆ ได้ชัดเจน ทั้งยังช่วยให้ตื่นตัว ทำครัวได้แบบกระฉับกระเฉง ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุทางอ้อมได้อีกเช่นกันค่ะ

แต่ในส่วนของโต๊ะกินข้าว หากใช้หลอดไฟคูลไวท์จะช่วยให้อาหารมีสีสันน่าทานขึ้น หรือถ้าใช้หลอดไฟวอร์มไวท์ ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ให้ความเป็นกันเอง เหมาะกับการรับประทานอาหารแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

นอกจากเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศของห้องแล้ว แสงไฟยังช่วยเรื่องการตกแต่งได้อีกด้วย หากคุณเลือกหลอดไฟที่มีแสงสีเหมาะสม นำไปติดตั้ง หรือจัดวางได้ถูกมุม คุณอาจไม่ต้องเสียเงินไปกับเฟอร์นิเจอร์แพงๆ เพราะแสงจากหลอดไฟสามารถช่วยให้ห้องของคุณดูสวยและมีสไตล์ขึ้นได้นั่นเอง ไม่ใช่เพียงการตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่การเลือกหลอดไฟยังใช้ได้กับธุรกิจอีกด้วย เช่น การจัดแสงในร้านค้าเพื่อส่งเสริมให้สินค้าดูโดดเด่นขึ้นมา หรือการจัดแสงในร้านอาหาร ผับ บาร์ ให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการซ้ำอีก เป็นต้น

นอกจากหลอดไฟทั้ง 3 แบบนี้ ยังมีหลอดไฟที่ออกแบบมาเป็นแสงสีต่างๆ อีกมากมาย เพื่อใช้ในการตกแต่ง หรือสำหรับใช้งานแบบเฉพาะทาง หากสนใจหลอดไฟสำหรับใช้งานในบ้าน หรือนำไปตกแต่งสร้างบรรยากาศในห้อง สามารถเข้ามาเลือกช้อปหลอดไฟหลากหลายรูปแบบ ได้ที่ เว็บไซต์ OfficeMate   

ขอบคุณข้อมูลจาก