เมื่อพูดถึง “ปากกา” หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วเพราะเป็นเครื่องเขียนที่ใช้งานกันอยู่เป็นประจำ แต่จุดประสงค์ที่แต่ละคนใช้อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะในปัจจุบันปากกามีหลายรูปแบบให้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละแบบใช้ในงานที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อเขียนลงกระดาษ, แผ่น CD, ไวท์บอร์ด หรือใช้เน้นข้อความ ทำให้ปากกาแต่ละแบบต้องมีลักษณะบางประการที่แตกต่างกันเพื่อตอบโจทย์ในการนำไปใช้งานนั้น ๆ แต่จะแตกต่างกันอย่างไร ไปค้นหาคำตอบกันได้เลย

ลักษณะของปากกาลูกลื่น (Ballpoint Pen)

ปากกาลูกลื่น

ปากกาลูกลื่นเป็นปากกาที่เรานิยมนำมาใช้กันมากที่สุด เพราะหาซื้อได้ง่าย เขียนได้ไหลลื่น และราคาถูก มักใช้ในการจดเลคเชอร์ มีทั้งแบบใช้ฝาเปิด-ปิดและแบบกดเพื่อใช้งาน มีลักษณะ ดังนี้

  • หัวปากกา
    หัวของปากกาลูกลื่นจะมีโลหะเล็ก ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 1.1 มิลลิเมตร โดยแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
    – หัวลูกบอล มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพราะใช้น้ำหมึกที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลัก
    – หัวลูกลิ้ง จะช้หมึกที่มีลักษณะเหลวกว่าแบบหัวลูกบอล ซึ่งเขียนได้ลื่นและนุ่มนวลมากกว่า
  • ด้ามจับ
    ส่วนใหญ่ด้ามจับของปากกาลูกลื่นมักจะทำจากพลาสติก แต่ด้ามจับของปากกาที่เป็น Luxury Brand เช่น Parker และLamy จะใช้อะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงทนทานในการผลิตแทน
  • น้ำหมึก
    หมึกของปากกาลูกลื่นจะมีความข้น แห้งได้ไว ทนทานต่อน้ำ เพราะส่วนผสมหลักของน้ำหมึกมักจะเป็นสารให้สีละลายเคมีที่กันน้ำ เช่น น้ำมัน

ลักษณะของปากกาเจล (Gel Ink Pen)

ปากกาเจล

ปากกาเจลมีความเป็นปากกาลูกลื่น และหมึกซึมอย่างละครึ่ง เพราะสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว เส้นคม แต่หมึกจะแห้งช้าแต่ไม่เท่ากับหมึกซึม มีลักษณะทั้งหมด ดังนี้

  • หัวปากกา
    หัวของปากกาเจลจะคล้ายกับแบบลูกลื่น ทำให้เขียนได้ไวเช่นเดียวกัน แต่จะได้เส้นที่สวยและคมกว่า
  • ด้ามจับ
    ส่วนใหญ่ด้ามจับจะทำมาจากพลาสติก แต่ในบางยี่ห้อจะใช้โลหะที่มีน้ำหนักเบาเพื่อเสริมความแข็งแรงทนทาน
  • น้ำหมึก
    น้ำหมึกของปากกาเจลเกิดจากการผสมผงหมึกเข้ากับสารละลายจำพวกน้ำ ทำให้น้ำหมึกให้มีความข้นน้อยลงกว่าเดิมจนมีลักษณะคล้ายกับเจล

ลักษณะของปากกาหมึกซึม (Fountain Pen)

ปากกาหมึกซึม

ปากกาหมึกซึมเป็นปากกาที่มีความเก่าแก่มากเรียกได้ว่าเป็นแบบแรก ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ มีความหรูหรา โดยส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้เซ็นชื่อลงในเอกสาร เพราะปากกาหมึกซึมไม่เหมาะสำหรับการนำไปเขียน เพราะหมึกแห้งช้ามาก แต่เส้นที่ได้จะสวยและคมสุด ๆ โดยมีลักษณะ ดังนี้

  • หัวปากกา
    หัวปากกานับว่าเป็นจุดขายของปากกาหมึกซึมเลยก็ได้ เพราะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก มีลักษณะคล้ายกับปากของนก ซึ่งเป็นที่มาของสมญานามที่คนไทยตั้งว่า “ปากกาคอแร้ง” มักจะทำจากโลหะ แต่ใน Luxury brand จะใช้ทองคำในการผลิต ทำให้ปากกาอาจมีราคาสูงถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
  • ด้ามจับ
    ด้ามจับของปากกาหมึกซึมมีทั้งแบบพลาสติกและแบบโลหะ แต่ที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุด คือ แบบโลหะ เพราะมีความหรูหรา เพราะจุดประสงค์หนึ่งของการพกพาปากกาชนิดนี้คือการนำมาเหน็บที่กระเป๋าเสื้อเพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพ
  • น้ำหมึก
    น้ำหมึกของปากกาเจลเกิดจากการผสมผงหมึกเข้ากับสารละลายจำพวกน้ำ ทำให้น้ำหมึกให้มีความข้นน้อยลงกว่าเดิมจนมีลักษณะคล้ายกับเจล

ลักษณะของปากกาเคมี (Permanent marker)

ปากกาเคมี

ปากกาเคมี หรือที่เรามักจะเรียกกันติกว่า “ปากกาเมจิก” ส่วนใหญ่มักจะนำมามาเขียนบนพื้นผิวเรียบ เช่น แผ่น CD หรือผ้า เพราะน้ำหมึกจะลบไม่ออก แต่นอกจากการใช้งานดังกล่าวแล้วปากกายังมีแบบที่เป็นด้ามเล็ก ๆ เพื่อใช้สำหรับตกแต่งชิ้นงานหรือเน้นข้อความอีกด้วย ปากกาแบบนี้มีเฉพาะแบบฝาเปิดปิดเท่านั้น เพราะหากน้ำหมึกสัมผัสกลับอากาศเป็นเวลานานจะทำให้หมึกแห้งและไม่สามารถใช้งานได้ มีลักษณะ ดังนี้

  • หัวปากกา
    หัวของปากกาเคมีจะทำจากวัสดุที่สามารถดูดซับน้ำหมึกได้ เช่น เส้นใยอัด หรือผ้าสักหลาด และกำมะหยี่ ซึ่งทั้งแบบหัวตัด หัวปกติ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน
  • ตัวด้าม
    ตัวด้ามมักจะทำจากพลาสติกและอะลูมิเนียม ด้านในจะมีวัสดุดูดซับน้ำหมึก เช่น สักหลาด เพื่อส่งไปยังหัวปากกาต่อไป
  • น้ำหมึก
    น้ำหมึกมักจะใช้โพลิเมอร์อะคริลิค ซึ่งก็คือสารเดียวกับที่ใช้สีทาบ้าน ทำให้หมึกของปากกาติดทนนาน เมื่อนำไปเขียนบนพื้นผิวเรียบดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

ทั้งนี้ ปากกาเคมีสามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภท ดังนี้

ปากกาไวท์บอร์ด
  • ปากกาไวท์บอร์ด (Whiteboard marker)
    ปากกาชนิดนี้มีลักษณะภายนอกดูเหมือนกับปากกาเคมีเลย แต่หมึกที่ใช้จะมีความแตกต่างกันโดยจะมีการเติมสารโพลิเมอร์ซิลิโคนเข้าไปเพื่อเพิ่มความลื่น ทำให้หมึกไม่ยึดเกาะลงบนพื้นผิวเรียบ สามารถเช็ดทำความสะอาดออกได้ จึงเหมาะกับการนำไปเขียนกระดานไวท์บอร์ดตามชื่อที่ได้รับ
ปากกาไฮไลท์
  • ปากกาไฮไลท์ (Highlight pen)
    แม้ว่าปากกาไฮไลท์จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของปากกาเคมีแต่ปากกาชนิดนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อใช้เขียนเหมือนกับปากกาเคมีแบบอื่น ๆ แต่ใช้สำหรับเน้นข้อความในหนังสือให้ชัดเจนขึ้น และข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งคือ ปากกาไฮไลท์จะใช้สีสว่าง เพื่อให้เห็นข้อความได้ง่าย ต่างจากปากกาเคมีแบบอื่นที่เป็นสีทึบ

คงพอจะทราบกันแล้วว่าปากกาแต่ละแบบมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง หวังว่าในครั้งต่อไปหากคุณเลือกซื้อปากกาจะมาสามารถเลือกปากกาที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากที่สุด เพราะปากกาแต่ละแบบใช้ในงานที่แตกต่างกันดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น และสำหรับใครที่กำลังมองหา “ปากกาดี  มีคุณภาพ” สามารถมาช้อปต่อกันได้เลยที่ Officemate เรื่องปากกาไว้ใจเรา

0 CommentsClose Comments

Leave a comment