วิถีชีวิตคนเมืองกรุงทุกวันนี้เรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็แต่ฝุ่นละอองเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองที่เกิดจากการคมนาคมสุดแสนจะแออัดในเมืองที่ได้ชื่อว่ารถติดที่สุดอันดับต้นๆของโลกอย่างกรุงเทพฯ หรือฝุ่นละอองจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆที่มีให้เห็นเกือบทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าเดินทางด้วยการคมนาคมแบบไหนก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองเหล่านี้ได้เลย โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูที่ท้องฟ้าปิด ความเลวร้ายของเจ้าฝุ่นละอองในอากาศก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก เพราะฝุ่นละอองที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศไม่สามารถกระจายตัวได้ จนเป็นที่มาของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 หนาแน่นขึ้นอย่างที่เรารู้กัน นี่แหละค่ะคือปัญหาใหญ่ที่คนกรุงกำลังเผชิญแบบที่ไม่รู้ตัว ทำไมปัญหาฝุ่นละอองถึงเป็นปัญหาใหญ่? เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันค่ะ

ฝุ่นละอองแบบไหนที่เป็นตัวปัญหา

ฝุ่นละอองเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง (ปล่อย PM 2.5 ราว 50,240 ตันต่อปี) การผลิตไฟฟ้า(ปล่อย PM 2.5 ราว 65,140 ตันต่อปี) การเผาไหม้จากภาคอุตสาหกรรม และการรวมตัวของก๊าซอื่นๆ

ปกติฝุ่นละอองจะกระจายตัวลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้  ทำให้ชั้นบรรยากาศที่เราใช้ชีวิตอยู่นั้นมีฝุ่นละอองไม่มากนัก แต่บางช่วงที่ท้องฟ้าปิด ฝุ่นละอองจะไม่สามารถกระจายตัวออกไปได้  โอกาสที่ปริมาณของฝุ่นละอองในชั้นบรรยากาศจะเพิ่มขึ้นมีสูงขึ้นเช่นกัน

ซึ่งฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นและกระจายตัวอยู่ในชั้นบรรนากาศนั้นจะมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ฝุ่นละอองขนาดใหญ่จะตกลงสู่พื้นดินได้เอง  ส่วนฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนจะเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ปะปนไปกับอากาศที่เราหายใจกันอยู่ทุกวัน ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กนี่แหละค่ะที่เป็นตัวปัญหาสำคัญ

อันตรายจากการหายใจเอาฝุ่นละอองเข้าไปในร่างกาย

ปกติแล้วฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศส่วนหนึ่งร่างกายเราสามารถกรองทิ้งได้ด้วยขนจมูก  แต่เจ้าฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆอย่าง PM2.5 ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ร่างกายเราไม่สามารถกรองได้  ทำให้ฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าไปในระบบทางเดินหายใจของเรา แทรกซึมไปยังส่วนต่างๆ ภายในร่างกาย หากมีมากเข้าจะส่งผลกับการทำงานของระบบต่างๆจนก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้

ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีอยู่ทั่วไปตามท้องถนนที่เราเดินผ่านไปผ่านมาทุกวันนี้เป็นสาเหตุให้ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษในอากาศเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากถึง 50,000 ราย และองค์การอนามัยโลก หรือ (WHO) ได้ประกาศให้ ฝุ่นละออง PM 2.5 จัดอยู่ในสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 อีกด้วย

จะมีวิธีรับมือยังไงกับ ฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆอย่าง PM 2.5

เรามักจะคุ้นตากับการใส่หน้ากากอนามัยของคนที่ต้องใช้ชีวิตผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนในเมืองกรุง แต่การแก้ปัญหาด้วยการสวมหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปที่เราเคยเห็นหรือเคยใช้นั้นความจริงแล้วไม่เพียงพอต่อการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ อย่าง PM 2.5 เลยค่ะ เพราะหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษนั้นมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 3 ไมครอนเท่านั้น หากต้องการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ คุณจะต้องเลือกใช้หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงขึ้น เช่น หน้ากาก N95 ซึ่งมีความสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 0.3 ไมครอนได้

หน้ากาก N95

หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพการป้องกันสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วๆไป มีความสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 0.3 ไมครอน ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ โดยตัวหน้ากากจะครอบลงไปในบริเวณปากและจมูกของเราอย่างมิดชิด ทำให้ฝุ่นละออง เชื้อไวรัส หรือสารปนเปื้อนไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ การใช้หน้ากากอนามัยชนิดนี้จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม เพราะหน้ากาก N95 มีขนาดที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการกรองได้หากเลือกใช้ไม่เหมาะสม

เมืองหลวงอย่างกรุงเทพเต็มไปด้วยโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั่วทั้งเมือง และมีการคมนาคมที่หนาแน่นแบบสุดๆ หน้ากาก N95 ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราในเวลาที่เราต้องใช้ชีวิตในพื้นที่เสี่ยงเป็นประจำ นอกจากภาวนาขอพรให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จโดยเร็วแล้ว  อย่าลืมมองหาอุปกรณ์สำหรับป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กมาใช้งานกันด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง

ช้อปเครื่องฟอกอากาศและอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละออง ได้ที่นี่ คลิกเลย! Officemate