สำหรับใครที่ช่วงนี้มีแพลนจะต้องเดินทางไปต่างประเทศล่ะก็ ต้องอ่านบทความนี้เลยนะคะ เพราะเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 นายกุเลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรได้มีการออกประกาศที่ 60/2561 เรื่อง “การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางอากาศยาน

โดยเนื้อหาใจความของประกาศฉบับดังกล่าวจากกรมศุลกากรที่ส่งผลกระทบกับเราโดยตรงสามารถสรุปได้ดังนี้ค่ะ

1. ใครที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศโดยเครื่องบินและมีความจำเป็นที่จะต้องพกโน๊ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ หรือทรัพย์สินมีค่าที่มีเครื่องหมายหรือ Serial Number ที่สามารถตรวจสอบได้ติดตัวออกไปด้วย ให้ทำการแจ้งต่อพนักงานของกรมศุลกากรบริเวณห้องผู้โยสารขาออกระหว่างประเทศ

โดยสิ่งที่ต้องนำมาแจ้งเจ้าหน้าของกรมศุลกากรได้แก่ ภาพถ่ายของสิ่งของที่จะนำมาแจ้งจำนวนสองชุด  ซึ่งพนักงานของกรมศุลกากรอาจจะทำเครื่องหมายแสดงไว้เป็นหลักฐาน โดยหากผู้โดยสารทำการแจ้งต่อพนักงานของกรมศุลกากรเรียบร้อยแล้ว  จะต้องได้รับเอกสารรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เพื่อนำติดตัวออกไป และเมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศไทย จะต้องแสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร ณ ช่องแดง (Goods to Declare) ในวันที่เดินทางกลับเพื่อขอยกเว้นภาษีอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว

2. ของส่วนตัวที่นำติดตัวเข้ามาดังต่อไปนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีจากกรมศุลกากร

ของส่วนตัวที่เจ้าของเป็นผู้นำเข้ามาเพื่อใช้เองหรือเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ มูลค่ารวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาท

สุรา ปริมาณ 1 ลิตร, บุหรี่ 200 มวล, ซิการ์ หรือ ยาเส้น อย่างละ 250 กรัม หากนำสิ่งของดังกล่าวเข้ามาเกินที่กำหนด เจ้าของจะต้องทำการสละการครอบครอง โดยนำไปใส่ในกล่องโปร่งใส่ (Drop Box) ที่กรมศุลกากรได้จัดทำไว้หน้า ช่องเขียว-ช่องแดง

3. ในกรณีที่ผู้โดยสารมีการนำของติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompained Baggage)ในวันที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยที่ของนั้นไม่ได้เป็นของต้องห้ามหรือของที่มีการจำกัดการนำเข้า และมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 200,000 บาท หรือเกิน 200,000 บาท  โดยเป็นการนำติดตัวมาเพียงชิ้นเดียว ให้พนักงานของกรมศุลกากรเป็นผู้เก็บภาษีขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี)

4. กรณีที่มีการซื้อสินค้าปลอดภาษี ที่ Duty Free หรือร้านค้าปลอดภาษีภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน จะต้องนำออกนอกประเทศเท่านั้น  หากมีการนำกลับเข้ามาจะต้องผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระภาษีให้ถูกต้อง

แต่ล่าสุด (วันที่ 8 มีนาคม 2561) ทางกรมศุลกากรได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการแจ้งต่อพนักงานของกรมศุลกากร เรื่องการนำทรัพย์สินติดตัวออกนอกประเทศว่า เจตนาของประกาศฉบับนี้ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับบุคคลที่มีความจำเป็นจะต้องนำของมีค่าติดตัวออกไปนอกประเทศ เช่น การนำของออกไปจัดนิทรรศการต่างๆ หรือนำออกไปเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ และกลัวว่าหากนำกลับมาภายในประเทศจะเข้าข่ายต้องเสียภาษีเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว  การชี้แจงในกรณีนี้ ทางผู้โดยสารที่นำของมีค่าติดตัวออกไป  เมื่อกลับมาประเทศไทยจะต้องทำเรื่องชี้แจง ซึ่งจะเสียเวลาในการเตรียมเอกสารต่างๆ และการชี้แจงอาจจะมีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก  ทางกรมศุลกากรจึงได้ออกประกาศฉบับนี้เพื่อลดความยุ่งยากดังกล่าวนั่นเองค่ะ

ทางกรมศุลกากรเองไม่ได้มีการบังคับให้ผู้โดยสารทุกคนนำสิ่งของไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ  และไม่มีบทลงโทษผู้โดยสารด้วย

หลายๆคนที่ได้ยินข่าวในตอนแรกคงหงุดหงิดและหัวร้อนกันไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนนี้ก็ใจเย็นกันได้แล้วนะคะ  เพราะทางกรมศุลกากรก็ออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้บังคับให้นำสิ่งของไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรก่อนเดินทางออกนอกประเทศ หากใครคิดว่าการนำสิ่งของไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศจะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตนเองก็สามารถทำได้ ส่วนใครไม่ทำ  ก็ไม่ได้มีความผิดอะไร  ทางกรมศุลกากรกำกลังดำเนินการปรับแก้ประกาศฉบับดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ประกาศฉบับใหม่จะเป็นยังไง  รอติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศและกำลังมองหาของใช้ต่างๆในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น หมอนรองคอ, ปกใส่พาสปอร์ต, กระเป๋าเดินทางพับได้, ป้ายติดกระเป๋าเดินทาง และสินค้าอื่นๆอีกมากมาย สามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพได้ที่ OfficeMate Online Shop ค่ะ