ฝุ่นละออง PM 2.5 ถือเป็นวิกฤตของคุณภาพอากาศต่อสุขภาพครั้งใหญ่สำหรับคนไทยในหลายพื้นที่ สามารถก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงด้านสุขภาพ เริ่มตั้งแต่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง แสบจมูก แสบตา เยื่อบุจมูกอักเสบ และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจที่ร้ายแรง ก่อให้เกิดมะเร็ง และโรคหัวใจได้อีกด้วย

การป้องกันเบื้องต้นที่หลายหน่วยงานออกมาให้ความรู้คือ การใส่หน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เมื่อต้องออกไปอยู่กลางแจ้ง หรือเดินทางบนท้องถนน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความหนาแน่นของฝุ่นละอองสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการอยู่ในบ้าน คอนโด หรือหอพักส่วนตัวก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากฝุ่นละอองไปได้ เพราะฝุ่นละอองสามารถกระจายออกไปได้ทั่วบริเวณไม่เฉพาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น ดังนั้นเพื่อให้ที่อยู่อาศัยของเรามีอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น ออฟฟิศเมทจะมาแนะนำเครื่องฟองอากาศ ที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละครอบครัว แต่ละพื้นที่ จะมีเครื่องฟอกอากาศรุ่นไหน และคุณสมบัติอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

เครื่องฟอกอากาศ SHARP FU-A80TA-W

เครื่องฟอกอากาศ SHARP FU-A80TA-W

เครื่องฟอกอากาศตัวแรกที่จะแนะนำจากทาง SHARP คือรุ่น FU-A80TA-W เป็นเครื่องฟอกอากาศสีขาว ขนาด 40.2 × 24.5 × 62 ซม. ซึ่งถือว่ากะทัดรัด และน้ำหนักอยู่ที่ 8.1 กิโลกรัม เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน 62 ตาราเมตร ไม่มีระบบทำไอน้ำ และใช้งาน ION Shower ได้ยาวนานถึง 60 นาที ซึ่งระบบ ION Shower จะเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดอากาศโดยการเข้าไปเสริมประสิทธิภาพของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ หากเรามีการเปิดใช้ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้นไปด้วยขณะใช้งานเครื่องฟอกอากาศ จะจำกัดพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมอยู่ที่ 31 ตารางเมตร

นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศ SHARP ตัวนี้ยังมีตัวกรอง (Filter) ถึง 2 ส่วนด้วยกันนั่นคือ แผ่นกรองคาร์บอนดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่นกลิ่นบุหรี่ กลิ่นแอมโมเนีย กลิ่นสัตว์เลี้ยง กลิ่นอาหาร กลิ่นควัน เป็นต้น และแผ่นกรองดักจับฝุ่น HEPA ซึ่งสามารถกรองและดักจับฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 2 ปีโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และเพื่อความสะดวกในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น และไฟแสดงสภาวะความสะอาดในอากาศ และปรับแรงลมได้ถึง 4 ระดับ

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-H

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-H

เครื่องฟอกอากาศของ SHARP ตัวต่อมา คือรุ่น KC-G40TA-H สีดำ ใช้งานง่ายด้วยหน้าจอแสดงผล Smart Display ขนาดอยู่ที่ 34.5 × 63.1 x 26.2 ซม. น้ำหนัก 9.2 กิโลกรัม เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้หากใช้งานปกติเหมาะสำหรับพื้นที่ 28 ตารางเมตร หากเปิดใช้ระบบไอน้ำ จะเหมาะกับพื้นขนาด 18 ตารางเมตร และหากมีการใช้งานระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ พื้นที่ที่เหมาะสมอยู่ที่ 21 ตารางเมตร ขนาดของถังไอน้ำอยู่ที่ 2.5 ลิตร ทำไอน้ำได้ 440 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง

เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มาพร้อมระบบการทำงานอัจฉริยะ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ฝุ่นละอองทั่วไป กลิ่นไม่พึงประสงค์ อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่างภายในห้องได้ ทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้มีการเพิ่มระบบไอน้ำ ซึ่งมีประโยชน์ทำให้ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ทำงานได้ดีและนานขึ้น รวมถึงดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่และเกสรดอกไม้ไม่ให้ลอยในอากาศ และติดตามเสื้อผ้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ทำให้อากาศมีความชื้นพอเหมาะกับห้อง ช่วยให้ไม่รู้สึกแห้งและดีต่อผิวพรรณ และแน่นอนว่ามีการใช้แผ่นกรองละเอียด HEPA รวมถึงแผ่นกรองกลิ่นและแผ่นกรองไอน้ำอีกด้วย

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-W

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-W

เครื่องฟอกอากาศ SHARP ตัวที่3 ที่เรานำมาแนะนำ คือ KC-G40TA-W มีความคล้ายคลึงกับรุ่นเครื่องฟอกอากาศรุ่น KC-G40TA-H ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ที่เรียบหรูเป็นเอกลักษณ์ของซีรีย์นี้ แต่ตัวนี้เป็นตัวเครื่องสีขาว มีขนาดและน้ำหนัก รวมถึงขนาดถังน้ำและความสามารถในการทำไอน้ำเหมือนกับรุ่นด้านบน ติดตั้งมาพร้อมระบบไอน้ำ และระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ตามแบบฉบับของเครื่องฟอกอากาศ SHARP

และไม่พลาดที่จะติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ มาให้พร้อม ทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นทั่วไป หรือฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่างในพื้นที่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของคนและสัตว์ ทำให้เครื่องฟอกอากาศสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในส่วนของแผ่นกรองก็มาครบทั้ง 3 แบบ คือ แผ่นกรองฝุ่น HEPA แผ่นกรองกลิ่น และแผ่นกรองไอน้ำ  

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G50TA-W

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G50TA-W

เครื่องฟอกตัวต่อมาคือ SHARP KC-G50TA-W ตัวเครื่องสีขาวเรียบหรู และเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่อยากแนะนำสำหรับผู้ที่มีพื้นที่บริเวณการใช้งานกว้างขึ้น ซึ่งเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มาพร้อมระบบไอน้ำ และพลาสม่าคลัสเตอร์เพื่อสุขภาพของผู้ใช้งานเช่นเดิม ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานปกติในขนาดพื้นที่ประมาณ 38 ตารางเมตร หากมีการเปิดใช้งานระบบไอน้ำ เหมาะกับพื้นที่ประมาณ 21 ตารางเมตร และสำหรับการเปิดใช้งานระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ พื้นที่ที่เหมาะกับการใช้งานอยู่ที่ 28 ตารางเมตร เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีขนาดของถังน้ำเท่ากับ 2 รุ่นก่อนหน้าคือ อยู่ที่ 2.5 ลิตร แต่สามารถผลิตน้ำได้มากกว่า อยู่ที่ 600 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง

ขาดไม่ได้คือความโดดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ SHARP ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองทั้งขนาดทั่วไปและขนาดเล็ก PM 2.5 ตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น การเคลื่อนไหว และแสงสว่าง รวมถึงกลิ่นอีกด้วย พร้อมด้วยแผ่นกรองงที่มีคุณภาพสูงอย่าง แผ่นกรองฝุ่น HEPA แผ่นกรองคาร์บอนกำจัดกลิ่น แผ่นกรองไอน้ำ

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G60TA-W

เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G60TA-W

เครื่องฟอกอากาศตัวสุดท้ายของ SHARP ที่จะนำมาแนะนำอีก 1 ตัวคือ รุ่น KC-G60TA-W มีดีไซน์ หน้าตา ขนาด และสีเหมือนกับสองรุ่นด้านบน แต่เป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานในบริเวณพื้นที่กว้างๆ ซึ่งหากใช้งานเครื่องฟอกอากาศในโหมดปกติ เหมาะกับพื้นที่ขนาดประมาณ 50 ตารางเมตร เมื่อเปิดใช้ระบบทำไอน้ำ เหมาะกับพื้นที่ขนาด 30 ตารางเมตร และการเปิดใช้ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ เหมาะกับพื้นที่ขนาด 35 ตารางเมตร แถมตัวถึงน้ำใหญ่ขึ้นเป็น 3.0 ลิตร ความสามารถในการทำไอน้ำสูงถึง 680 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง

เช่นกันคือมีการใส่เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองในอากาศทั้งแบบเล็ก PM 2.5 และฝุ่นละอองทั่วไป ตรวจจับคามเคลื่อนไหวของคนและสัตว์ เพื่อการประหยัดพลังงาน ตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น รวมไปถึงความสว่าง พร้อม Filter ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองแบบละเอียดอย่างแผ่นกรอง HEPA รวมถึงแผ่นกรองกลิ่น แผ่นกรองอน้ำ

คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ SHARP

  • เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์

เป็นเทคโลโนยีเครื่องฟอกอากาศที่เป็นลิขสิทธิ์ของ SHARP หลักการทำงานคือเมื่อเราเปิดใช้งานระบบ จะมีการสร้างอนุภาคไฟฟ้าประจุบวกและลบ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อนุภาคเหล่านี้จะเป็นตัวทำลายเซลล์ของเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรียในอากาศ และสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น ทำให้เกิดเป็นอากาศสะอาดขึ้นนั่นเอง

  • แผ่นกรองอากาศ HEPA

เป็นแผ่นกรองที่นิยมนำมาใช้ในเครื่องฟอกอากาศ รวมถึงใช้ในหน่วยงานการแพทย์ ใช้กับรถยนต์ เครื่องบิน ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาสขนาดเล็กที่เรียงตัวกันแบบสุ่ม ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อดักมลพิษ และเหล่าอนุภาคขนาดเล็กต่างๆ ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเพียง 0.1 ไมครอนได้เลย มาตรฐานของแผ่นกรองอากาศ HEPA คือจะต้องกรองอากาศขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97%

  • รางวัลลดสารก่อภูมิแพ้

เครื่องฟอกอากาศของ SHARP ทั้ง 5 รุ่น ได้รับรางวัลรับรองประสิทธิภาพในการลดสารก่อภูมิแพ้ ประเภทไรฝุ่นและละอองเกสรดอกไม้ จากสถาบันโรคภูมิแพ้ประเทศอังกฤษ (Allergy UK Seal of Approval, British Allergy Foundation)

เครื่องฟอกอากาศ Filtrete Ultra-Slim 3M FAP04

เครื่องฟอกอากาศ Filtrete อัลตร้าสลิม 3M FAP04

เครื่องฟอกอากาศจากทาง 3M เครื่องแรกที่จะนำมาแนะนำคือ รุ่น Filtrete Ultra-Slim 3M FAP04 ถูกดีไซน์ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายและเข้ากับพื้นที่ที่จำกัด สามารถตั้งกับพื้น หรือจะแขวนผนังก็ได้ ตัวเครืองมีขนาด 45×12.5×60.2 ซม. น้ำหนักเพียง 6.3 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมาพร้อมรีโมทคอนโทรล สะดวกสบายมากขึ้นสำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อย และไม่ต้องการลุกไปปรับที่ตัวเครื่อง เครื่องฟอกอากาศตัวนี้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาด 16-32 ตารางเมตร

แผ่นกรอง (Filter) สำหรับเครื่องฟอกอากาศจาก 3M สามารถถอดเปลี่ยนได้ เพียงแค่เปิดฝาครอบด้านหน้าออก และมีไฟเตือนเมื่อถึงกำหนดเปลี่ยนแผ่นกรองอีกด้วย เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ใช้แผ่นกรองรุ่น FAPF04 ความโดดเด่นของแผ่นกรองที่ทาง 3M นำมาใช้กับเครื่องฟองอากาศ เป็นแบบแผ่นกรองเส้นใยไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร สามารถกรองอนุภาคได้เล็กถึง 0.1 ไมครอน เช่น ละอองเกสรต่างๆ ไรฝุ่น ฝุ่นละอองเล็กๆ ภายในห้อง รังแคสัตว์ เชื้อแบคทีเรีย ควันบุหรี่ ควันจากการปรุงอาหาร และไวรัส ซึ่งสามารถกรองได้ดีกว่าแผ่นกรอง HEPA ทั่วไป ความโดดเด่นอีกอย่างคือทำงานได้เงียบสงบ ไม่ส่งเสียงรบกวน

เครื่องฟอกอากาศ Filtrete Ultra-Slim 3M FAP03

เครื่องฟอกอากาศ Filtrete อัลตร้าคลีน 3M FAP03

เครื่องฟอกอากาศรุ่น Filtrete Ultra-Slim 3M FAP03 ของ 3M ตัวนี้ เป็นตัวที่มีขนาดใหญ่และเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ใหญ่มากขึ้น สามารถรองรับการใช้งานในพื้นที่ 34-86 ตารางเมตร ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 50.8×23.5×70.8 ซม. น้ำหนัก 10 กิโลกรัม ฟอกอากาศได้สูงสุดถึง 239 ลูกบาศก์ฟุต/นาที

แผ่นกรองของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้สามารถถอดเปลี่ยนได้เช่นกัน ใช้แผ่นกรองรุ่น FAPF03 อายุการใช้งานประมาณ 2,200 ชั่วโมง และเป็นแผ่นกรองเส้นใยไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร ซึ่งทำดักจับสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.1 ไมครอน และยังกรองแบคทีเรีย ไวรัส กรองควันบุหรี่ กลิ่นปรุงอาหาร ควันต่างๆ เชื้อรา และอนุภาคที่เป็นมลพิษอื่นๆ ได้

ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องฟอกอากาศทีเรานำมาแนะนำให้กับใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศเพื่อใช้ในบ้าน หรือที่พัก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งมีลูกน้อย หรือใครที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วด้วย บวกกับปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่หนาแน่นและสามารถก่ออันตรายต่อสุขภาพของเราได้ นอกจากหน้ากากแล้ว เครื่องฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้อากาศในที่พักอาศัยของเราสะอาดขึ้น และขจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศได้ดีอีกด้วย หากสนใจเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่เว็บไซต์ OfficeMate เรามีสินค้าคุณภาพพร้อมบริการจัดส่งฟรี*ให้ถึงบ้านอีกด้วยค่ะ

ข้อมูลจาก: th.sharp/ 3mdelivery.com