เราทุกคนย่อมรู้อยู่แล้วว่าควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เมื่อผ่านการใช้งานมาได้ซักระยะหนึ่ง แต่ก็มีหลายคนที่ละเลย ยอมนอนบนผ้าปูที่นอนผืนเดิมนานเป็นเดือนๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีเวลา หรือบางคนอาจคิดว่าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไปทำไม ในเมื่อก่อนนอนก็อาบน้ำทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้ออฟฟิศเมทจะพาไปดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเราไม่เคยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยซักครั้ง.. พร้อมคลายข้อสงสัยว่าแล้วผ้าปูที่นอนควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน..? ถึงจะดีที่สุด ไปดูกันเลยค่ะ

ผ้าปูที่นอนควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน?

การเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเปลี่ยนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางที่ดีควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และปลอกหมอนข้าง ทุกๆ สัปดาห์ นอกจากนั้นก็ควรเปลี่ยนหมอน หมอนข้าง รวมถึงผ้านวม ทุกๆ 1-3 เดือนเช่นกัน

แต่มีหลายคนที่คิดว่าการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งจะเปลี่ยนบ่อยๆ ยิ่งไม่มีเวลา งั้นไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง…?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน?

ไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน อาจฟังดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เคยมั้ย…? เวลาตื่นนอนตอนเช้าทีไรเป็นต้องจาม มีน้ำมูก หรือคัดจมูกอยู่เป็นประจำ ส่วนหนึ่งอาจมาจากอาการภูมิแพ้กำเริบ แต่อีกหนึ่งสาเหตุ คือ ผ้าปูที่นอนที่ไม่สะอาดนั่นเอง เพราะผ้าปูที่นอนที่ไม่สะอาด ใช้งานมานานโดยไม่เคยเปลี่ยน ก็เปรียบเสมือนแหล่งสะสมเชื้อโรคขนาดย่อม และเชื้อโรคเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็มาจากตัวเราเองอีกด้วย 

เปลี่ยนผ้าปูที่นอน

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง จากสหรัฐอเมริกา (American Academy of Dermatology) กล่าวว่า ทุกๆ วันขณะนอนหลับคนเราจะผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกมาราวๆ 30,000-40,000 เซลล์ ซึ่งเซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านี้จะหลุดร่วงอยู่บนผ้าปูที่นอนของเรา แถมยังเป็นอาหารอันโอชะของ ‘ไรฝุ่น’ เพราะฉะนั้นผ้าปูที่นอนที่ไม่เคยซักหรือเปลี่ยนเลย ก็เปรียบเสมือนโต๊ะบุฟเฟ่ต์ของตัวไรฝุ่นนั่นเอง ซึ่งตัวไรฝุ่นเหล่านี้ ยังเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ อาการคันยุบยิบตามตัว และยังก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย

นอกจากนั้น ขณะที่คนเรานอนหลับ ยังอาจมีเหงื่อจากการระบายความร้อนของร่างกาย น้ำลาย หรือน้ำมันจากผิวหนังไหลซึมออกมา และบางคนยังยอมให้สัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนที่นอน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรก มีกลิ่น และเต็มไปด้วยแบคทีเรียได้เช่นกัน

เคล็ดลับทำความสะอาดผ้าปูที่นอน

สำหรับการทำความสะอาดผ้าปูที่นอน บางคนอาจเลือกซักด้วยเครื่องซักผ้า พร้อมปั่นแห้งทีเดียวจบ แต่ผ้าปูที่นอนที่ทำจากผ้าต่างชนิดกัน จะมีวิธีการทำความสะอาดต่างกันด้วย ซึ่งถ้าซักทำความสะอาดหรือตากแห้งผิดวิธี ก็จะทำให้ผ้ามีอายุการใช้งานสั้นลงและเสื่อมสภาพไวขึ้นได้ 

เปลี่ยนผ้าปูที่นอน
  • ผ้าปูที่นอนจากผ้าฝ้าย ให้ทำความสะอาดโดยการซักในเครื่องซักผ้า จากนั้นนำไปตากแดดอ่อนๆ หรือใส่ในเครื่องอบผ้า ปรับอุณหภูมิต่ำๆ ไม่ให้ร้อนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อผ้าแข็งตัว
  • ผ้าปูที่นอนจากผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ ถือเป็นผ้าปูที่นอนที่ทำความสะอาดง่ายที่สุด สามารถซักทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้า แล้วนำไปปั่นแห้งได้เลย 
  • ผ้าปูที่นอนจากผ้าซาติน สำหรับผ้าซาติน ต้องใช้ความละเอียดอ่อนซักนิดเพื่อถนอมเนื้อผ้าไม่ให้เสื่อมสภาพและใช้ได้นานที่สุด ผ้าปูที่นอนจากผ้าซาตินจึงควรซักทำความสะอาดด้วยมือ โดยผสมน้ำเย็นกับผงซักฟอกสูตรอ่อนโยน แล้วตากในที่ร่มหรืออบแห้งที่อุณหภูมิต่ำๆ 
  • ผ้าปูที่นอนจากผ้าสักหลาด การทำความสะอาดผ้าปูที่นอนจากผ้าสักหลาด ให้นำผ้าปูที่นอนแช่ในน้ำร้อนจัด ปล่อยทิ้งเอาไว้โดยไม่ต้องขยี้จนน้ำเริ่มอุ่น จากนั้นนำผ้าขึ้นมาบิดจนหมาด แล้วนำไปตากแดด หมั่นสะบัดและกลับด้านตากบ่อยๆ จนผ้าแห้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ 
  • ผ้าปูที่นอนจากผ้าไหม สำหรับผ้าไหม สามารถซักทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้าได้ แต่ให้เลือกโหมดการซักแบบผ้าเนื้อบาง (Delicate wash) หลังจากซักเสร็จให้นำไปตากแดดให้แห้ง แต่ระวังอย่าใช้ไม้หนีบผ้า เพราะจะทำให้ผ้าไหมเป็นรอยหมดสวยได้ค่ะ 

ข้อควรระวังในการทำความสะอาดผ้าปูที่นอน

นอกจากการซักทำความสะอาดให้ถูกวิธีตามเนื้อผ้าแล้ว การทำความสะอาดผ้าปูที่นอนยังมีข้อควรระวังเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรให้ความสำคัญ ดังนี้

  • ไม่ควรแช่ผ้าปูที่นอนในน้ำผสมผงซักฟอกนานเกินไป

จริงอยู่ที่ก่อนซัก ควรแช่ผ้าปูที่นอนในน้ำผสมผงซักฟอกเพื่อละลายคราบฝังแน่นให้ออกง่ายขึ้น แต่ก็ควรแช่เอาไว้เพียง 5-10 นาทีเท่านั้น เพราะการแช่เอาไว้นานเกินไปหรือแช่ผ้าทิ้งไว้ข้ามคืน จะทำให้เนื้อผ้าโดนทำลายจากฤทธิ์ของผงซักฟอก จนไม่นุ่มเหมือนเดิม

  • อย่าซักผ้าปูที่นอนรวมกับเสื้อผ้ากองโต

ผ้าปูที่นอนควรซักทำความสะอาดแยกจากเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และผ้าอื่นๆ ทุกชนิด เพราะซิป ตะขอ หรือกระดุมจากเสื้อผ้า อาจไปขีดข่วนและทำลายผ้าปูที่นอน จนเนื้อผ้าเสียหาย หมดความนุ่ม และจะทำให้ผ้าปูที่นอนไม่สะอาดหมดจดเท่าที่ควรนั่นเอง

ผ้าปูที่นอน

ไขข้อสงสัยและรู้วิธีการทำความสะอาดผ้าปูที่นอนกันไปแล้ว ก็อย่าลืมกลับไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เอาไปซักทำความสะอาดให้หอมๆ จะได้ห่างไกลจากภูมิแพ้ และซุกตัวได้อย่างสบายใจกันนะคะ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็แหม..การซักและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนถือเป็นงานใหญ่ และใช้เวลาจริงมั้ยคะ? ซึ่งไม่ต้องกังวลไป! OfficeMate แนะนำ ‘เครื่องดูดไรฝุ่น‘ ตัวช่วยให้ผ้าปูที่นอนของคุณสะอาดขึ้น สามารถดูดเอาไรฝุ่น รวมถึงฝุ่นละอองต่างๆ ที่สะสมอยู่บนที่นอน หมอน และหมอนข้างออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ไม่ทำลายเนื้อผ้า เท่านี้ ไม่ต้องซักบ่อย แต่ผ้าปูที่นอนของคุณก็จะสะอาด ช่วยลดอาการภูมิแพ้ลงได้ และนอนหลับได้อย่างสบายใจมากขึ้น!

ใครสนใจเครื่องดูดไรฝุ่น รวมไปถึงเครื่องดูดฝุ่น และหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแสนทันสมัย สามารถเข้ามาช้อปได้เลยที่ OfficeMate สินค้าของเรารับประกันคุณภาพนาน 30 วัน แถมด้วยโปรโมชั่นเด็ดๆ ตลอดเดือน และบริการส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท!

0 CommentsClose Comments

Leave a comment