มนุษย์วัยทำงานหรือชาวออฟฟิศหลายคนใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน สำหรับบางคนอาจเรียกได้ว่าออฟฟิศเป็นบ้านหลังที่สอง แต่การใช้เวลา ณ ที่ใดที่หนึ่งนานๆ อย่างการอยู่ในห้องแคบๆ สถานที่ปิดทึบ โดยเฉพาะการจดจ่ออยู่กับงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาจส่งผลให้เกิดความเครียดจนพาลไม่อยากมาทำงานเสียดื้อๆ บรรยากาศภายในออฟฟิศจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

งานวิจัยจากต่างประเทศหลายต่อหลายชิ้น ชี้ให้เห็นว่าบรรยากาศในที่ทำงานส่งผลโดยตรงกับการทำงาน อารมณ์ และสมาธิของพนักงาน ออฟฟิศที่ตกแต่งพื้นที่ทำงานอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในออฟฟิศนั้นได้ แต่ในยุคสมัยที่อสังหาริมทรัพย์ราคาสูงขึ้น ออฟฟิศหลายแห่งจำเป็นต้องจำกัดพื้นที่ทำงานลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย เมื่อออฟฟิศมีขนาดเล็ก การวางแผนจัดสรรพื้นที่ใช้สอยจึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ สำหรับใครที่กำลังกังวลไม่รู้จะแบ่งสันปันส่วนจัดพื้นที่ยังไงให้เหมาะสม วันนี้เรามีเทคนิคการจัดตกแต่งออฟฟิศและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่จะเนรมิตออฟฟิศไซส์เล็กให้ดูกว้างขึ้นได้

ไม่อยากให้ออฟฟิศดูแคบ อย่าแบ่งพื้นที่ด้วยฉากกั้นแบบทึบ

การกั้นห้องในออฟฟิศขนาดเล็ก จะทำให้ยิ่งรู้สึกว่าพื้นที่นั้นเล็กลงไปอีก แต่หากจำเป็นต้องทำผนังกั้นห้องเพื่อแบ่งพื้นที่ ควรเลือกใช้วัสดุแบบโปร่งอย่างกระจกใส อาจเลือกใช้กระจกแบบเก็บเสียงสำหรับกั้นห้องประชุมหรือห้องผู้บริหาร ส่วนการแบ่งพื้นที่ทำงานในออฟฟิศ อาจแบ่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์หรือชั้นวางของแบบโปร่งที่มองทะลุได้ หรือใช้ฉากกั้นที่สามารถเลื่อนเปิดปิดได้ จะช่วยทำให้บรรยากาศในออฟฟิศเล็กๆ ของเราดูโปร่งโล่งสบาย

เพิ่มพื้นที่ว่างด้วยเฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน

เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในสมัยนี้ ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลายฟังก์ชัน ซึ่งเหมาะกับห้องหรือสำนักงานขนาดเล็ก เพราะเฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้นสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายแบบ เช่น โต๊ะทำงานที่มาพร้อมลิ้นชักหรือชั้นวางของ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้ อย่างโต๊ะแบบมีล้อที่สามารถปรับขนาดหรือความสูงได้เพื่อใช้ในโอกาสต่างกัน รวมถึงการเลือกอุปกรณ์สำนักงานแบบออลอินวัน อย่างเครื่องปริ้น ที่เป็นได้ทั้งปริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องส่งแฟกซ์ จะช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มพื้นที่ว่างให้ออฟฟิศได้อีกมาก

เลือกเฟอร์นิเจอร์สูงๆ ดีกว่า

การเก็บของในออฟฟิศเล็กๆ ดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะยิ่งของเยอะ พื้นที่ใช้สอยก็น้อยลงตามไปด้วย ลองเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ทรงสูงอย่างตู้เก็บของ ตู้ล็อกเกอร์ หรือลงทุนติดตั้งตู้หรือชั้นวางของติดกำแพง (Built-in) จะช่วยให้เราสามารถเก็บของและอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ โดยไม่ทำให้ห้องแคบลง

ใช้ผนังว่างๆ ให้เป็นประโยชน์

ผนังว่างๆ นอกจากใช้ติดกรอบรูป นาฬิกา งานศิลปะหรือของตกแต่งแล้ว ลองติดกระดานไวท์บอร์ดกับผนัง หรือเปลี่ยนผนังทึบให้เป็นวัสดุที่เขียนแล้วลบได้ อย่างกระจกใสที่ใช้ปากกาไวท์บอร์ดเขียนได้ สำหรับการแบรนด์สตรอม นอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่ในการวางกระดานแล้ว ยังช่วยให้ออฟฟิศดูทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย

เฟอร์นิเจอร์แบบมีขาช่วยให้ห้องกว้างขึ้น

เมื่อออฟฟิศมีขนาดจำกัด เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ และโซฟา ควรเลือกใช้แบบมีโครงขา มองทะลุได้ จะช่วยให้ห้องดูโปร่ง ไม่ทึบตัน กลับกันการใช้โต๊ะ เก้าอี้ หรือโซฟาที่ข้างล่างทึบตันจะบดบังวิสัยทัศน์การมอง ทำให้รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้การวางเฟอร์นิเจอร์แบบเข้ามุมหรือจัดชิดผนัง จะเพิ่มพื้นที่ทางเดินและพื้นที่ว่าง ทำให้ออฟฟิศดูกว้างขึ้นได้

ถอดผ้าม่านรับแสงธรรมชาติให้เต็มที่

แสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างจะช่วยให้บรรยากาศในออฟฟิศดูปลอดโปร่งและอบอุ่นขึ้น ว่ากันว่าแสงธรรมชาติยังช่วยคลายความเครียด การมองเห็นวิวด้านนอกยังช่วยลดความอึดอัดจากการอยู่ในออฟฟิศที่ปิดทึบตลอดเวลาได้ แต่หากต้องการติดผ้าม่านเพื่อบังแสง ควรเลือกผ้าม่านแบบบางเบากันแสงส่วนเกิน ดีกว่าผ้าม่านแบบทึบ เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด และคับแคบ 

ใช้โต๊ะทำงานร่วมกัน สร้าง Sharing space เพิ่มพื้นที่ว่าง

ออฟฟิศหลายแห่งมีโต๊ะส่วนตัวสำหรับพนักงาน แต่หากต้องการประหยัดพื้นที่ การใช้โต๊ะใหญ่ร่วมกันหลายคนจะทำให้ออฟฟิศเหลือพื้นที่ไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นเพิ่มขึ้นอีกมาก การใช้โต๊ะทำงานร่วมกันยังเป็นประโยชน์กับการระดมสมอง ช่วยให้พนักงานมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นอีกด้วย

ใครที่กำลังจะเปิดออฟฟิศใหม่หรือกำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่มีคุณภาพสามารถเข้ามาช้อปเฟอร์นิเจอร์สำนักงานดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบครันไปแต่งออฟฟิศเพื่อเพิ่มบรรยากาศการทำงานให้ดีขึ้นได้ที่ Officemate

0 CommentsClose Comments

Leave a comment