ธุรกิจร้านกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจยอดนิยมมากๆ ในยุคนี้ ไลฟ์สไตล์ชาวกรุงที่เปลี่ยนไปทำให้ธุรกิจร้านกาแฟยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค สำหรับหลายๆ คน ร้านกาแฟเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สามเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากบ้านและออฟฟิศแล้ว สถานที่ที่ใช้เวลาอยู่มากที่สุดก็คือร้านกาแฟนี่แหละค่ะ จึงไม่แปลกที่คนที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเองจะคิดถึงธุรกิจร้านกาแฟเป็นดับแรกๆ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านกาแฟนั้น มาดูกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าธุรกิจนี้ต้องประสบพบเจอกับปัญหาอะไรบ้าง และหากคุณอยากจะเปิดร้านกาแฟ จะมีวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง

ปัญหายอดฮิตที่คนอยากทำธุรกิจร้านกาแฟทุกคนต้องเจอ!

นับว่าเป็นเรื่องที่ยาก หากเราจะไล่สัมภาษณ์เจ้าของร้านกาแฟแต่ละคนถึงปัญหาหลังร้านที่แต่ละคนได้เจอ เพราะส่วนใหญ่เราก็จะเห็นแต่มุมที่เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟประสบความสำเร็จกันมากกว่า มาดูกันเลยค่ะว่า อะไรคือปัญหาหลักๆ ที่เราจะต้องเตรียมรับมือกันบ้าง

1. ออเดอร์น้อยแต่นั่งนาน

ถือเป็นปัญหาคลาสสิคที่ร้านกาแฟทุกร้านต้องเจอแน่นอน แล้วก็เป็นปัญหาที่ทำให้ร้านกาแฟบางร้านขาดทุนเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้หมดหนทางแก้ไขซะทีเดียว เพราะหากคุณทราบถึงปัญหานี้อยู่ก่อนแล้ว คุณอาจจะป้องกันการขาดทุนจากค่าเสียโอกาสในการขายลูกค้าคนอื่นๆที่เข้ามาแล้วไม่มีโต๊ะ ด้วยการตั้งราคาที่สูงขึ้นมาอีกนิด โดยบวกค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียโอกาสต่างๆ ที่จะเกิดจากปัญหานี้เพิ่มไปด้วย แลกกับการเอาใจลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านของคุณโดยที่คุณไม่ต้องทำให้ลูกค้าขุ่นข้องหมองใจด้วยการจำกัดเวลาในการนั่งที่ร้าน เพราะนั่นอาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่เป็นมิตรกับร้านของคุณ และจากคุณไปอย่างถาวรเลยก็เป็นได้

2. ที่นั่งในร้านไม่เพียงพอ

แน่นอนล่ะว่า ถ้าเราขายดีจนเทน้ำเทท่าก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาที่นั่งไม่พอได้ หรือที่แย่กว่านั้นคือ ไม่ได้ขายดีมากหรอก  แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ออร์เดอร์น้อย แต่นั่งนานมากๆ ทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับรองรับลูกค้าใหม่ที่เข้ามา สำหรับเจ้าของร้านกาแฟที่พอจะมีที่ว่างในร้านเหลืออยู่ อาจจะแก้ไขปัญหาที่นั่งไม่เพียงพอด้วยการเพิ่มโต๊ะและเก้าอี้ให้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสที่ลูกค้าคนอื่นจะเข้ามาแล้วไม่มีโต๊ะว่าง

แต่ถ้าทางร้านยังมีเงินทุนหมุนเวียนไม่มากพอ อาจจะต้องเลือกใช้วิธีติดป้ายเป็นคำพูดขอความเห็นใจเบาๆ แบบน่ารักๆ เช่น “คนไทยใจดี เผื่อแผ่ที่นั่งให้กับคนอื่นๆ เสมอ ” เป็นการขอความเห็นใจแบบซอฟๆที่คนนั่งนานๆเห็นแล้วอาจจะต้องฉุกคิดนิดนึง ลุกเพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นได้เข้ามาใช้บริการบ้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาออร์เดอร์น้อยแต่นั่งนานไปในตัว

อีกหนึ่งวิธีป้องกันคือ การเลือกใช้โต๊ะ เก้าอี้ หรือโซฟา ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากแทนการเลือกโต๊ะ หรือ ชุดโซฟาขนาดใหญ่ เพราะการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเล็กสามารถรองรับลูกค้าได้คลอบคลุมกว่า หลายคนอาจจะงงว่าคลอบคลุมยังไง?  ลองคิดดูสิคะ ถ้าเราใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก เราสามารถรองรับลูกค้าที่มาคนเดียวได้ มาเป็นคู่ก็ได้ หรือหากจะมากลุ่มใหญ่หน่อยก็สามารถเลื่อนโต๊ะและเก้าอี้หลายๆ ตัวมารวมกันได้  แต่ถ้าหากเราใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่มากๆ และลูกค้ามากันน้อยคน แต่เลือกนั่งโต๊ะใหญ่ เราจะไม่สามารถรองรับลูกค้าที่มาคนเดียว หรือมาเป็นคู่เพิ่มได้อีก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับคนที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว การป้องกันปัญหานี้ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กจึงอาจจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์กว่านั่นเองค่ะ

3. เสียงดังรบกวนลูกค้าโต๊ะอื่นๆ จนเกินไป

คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าร้านเราจะมีเสียงคนพูดคุยกัน เพราะเคยมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย British Columbia ระบุว่า เสียงที่ดังในระดับที่พอดี (เสียงที่มีระดับประมาณ 70 เดซิเบล) จะช่วยให้มนุษย์เราเกิดไอเดียได้มากกว่านั่งเงียบๆ นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายๆคนนั่งทำงานที่ร้านกาแฟแล้วได้งานมากกว่าการทำงานอยู่ที่บ้าน แต่เสียงดังเกินไปก็จะกลายเป็นเสียงรบกวนที่ก่อให้เกิดความรำคาญมากกว่าไอเดีย ดังนั้นคุณจึงควรมีป้ายเตือน “ห้ามส่งเสียงดังเกินไป” สำหรับลูกค้าที่มีความเกรงใจน้อยแปะเผื่อไว้ เพื่อป้องกันลูกค้าคนอื่นๆรำคาญและโมโหจนพาลไม่มาใช้บริการที่ร้านอีก แต่ถ้าหากว่าเราเจอกลุ่มลูกค้าที่เม้าท์มอยโหวกเหวกล่ะก็ อาจจะต้องออกโรงมาห้ามปรามกันสักเล็กน้อย เพื่อรักษาลูกค้ารายอื่นๆ ที่อยู่ในร้าน และเสมือนเป็นการใส่ใจความรู้สึกลูกค้าท่านอื่นไปในตัวด้วย

4. ที่จอดรถ

ทำเลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกับการเลือกใช้บริการร้านกาแฟแน่นอน ก่อนตัดสินใจทำธุรกิจร้านกาแฟจึงควรศึกษากลุ่มเป้าหมายให้ดีก่อน หากกลุ่มเป้าหมายของเราคือคนที่เดินทางโดยขนส่งสาธารณะ ทำเลที่ไม่มีที่จอกรถอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่หากกลุ่มเป้าหมายของเราคือ กลุ่ม Upper Middle Class ขึ้นไป ร้านที่ไม่มีที่จอดรถก็จะเสียโอกาสในการขายไป เพราะคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากกว่า การไปในที่ที่ไม่มีที่จอดรถจะเป็นเรื่องใหญ่มาก ยิ่งหากไม่ชำนาญพื้นที่ด้วยแล้ว ต่อให้คนต่อคิวเยอะแค่ไหน หรือมีคนการันตีในความอร่อย คนกลุ่มนี้ก็จะตัดใจไม่เลือกใช้บริการร้านนั้นด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีที่จอดรถนั่นเองค่ะ ปัญหานี้ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอน แต่ถ้าหากใครที่พลาดพลังไปแล้ว  ทางออกสุดท้ายก็คงจะเป็นการเช่าพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการในละแวกใกล้ๆกับร้านค่ะ อาจจะช่วยบรรเทาปัญหานี้ไปได้เล็กน้อย

5. ปัญหาพนักงานในร้าน

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของคนทำธุรกิจก็คือปัญหาเรื่อง “คน” เพราะคนเรามีหลากหลายรูปแบบ ปัญหาคนที่เกิดขึ้นกับร้านกาแฟส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการบริการที่ไม่มี service mind ไม่มีใจบริการ ทำงานแค่ส่งๆไป ทั้งๆที่จริงๆแล้ว พนักงานถือเป็นหนึ่ง Touch Point ที่สำคัญสำหรับธุรกิจร้านกาแฟเลยก็ว่าได้ เพราะหากพนักงานที่ให้บริการใส่ใจในรายละเอียดของลูกค้า  ก็จะทำให้ลูกค้าประทับใจ และช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการร้านกาแฟของคุณซ้ำอีก เคสนี้เห็นได้ชัดเจนจากร้านกาแฟชื่อดังอย่าง สตาร์บัค จะสังเกตเห็นว่าพนักงานของสตาร์บัคสามารถจดจำชื่อ หรือเมนูของลูกค้าหลายๆคนได้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราเป็นหนึ่งในรายชื่อที่พนักงานสามารถจำได้  เราคงรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะค่ะ

ปัญหายอดฮิตที่พบเจอกันบ่อยๆ อีกปัญหาก็คือปัญหาการขโมย ซึ่งปัญหานี้ป้องกันได้ง่ายๆด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ควรเลือกกล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย นอกจากกล้องวงจรปิดจะช่วยป้องกันปัญหาพนักงานขโมยเงินหรือของในร้านแล้ว ยังใช้เป็นหลักฐานหากเกิดเหตุการณ์ของที่ลูกค้ามานั่งที่ร้านหายไปได้อีกด้วย เรียกว่าคุ้มค่ากับการลงทุนมากเลยล่ะค่ะ

6. คู่แข่งรายล้อม

อย่างที่บอกในตอนต้นว่า ธุรกิจร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากในยุคนี้  ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การจะเป็นหนึ่งในผู้อยู่รอด หรือประสบความสำเร็จนั้นจึงต้องแลกมาด้วยการลงทุนลงแรงที่หนักหน่วง  ต้องศึกษาข้อมูลตลาด และคู่แข่งอย่างรอบคอบ วางแผนอย่างดีจึงจะฝ่าฟันวิกฤติและปัญหาต่างๆ ไปได้ หนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเอาชนะคู่แข่งของคุณไปได้ก็คือการชูจุดเด่นของร้านที่แตกต่างจากร้านอื่นให้ชัดเจน เช่น คาเฟ่แมว มีจุดเด่นก็คือการที่ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับน้องแมวน่ารักๆ หลากหลายสายพันธุ์ หรือ สตาร์บัคที่ราคาขนมและเครื่องดื่มสูงมาก แต่ก็ยังมีคนใช้บริการเต็มทุกสาขา เพราะสตาร์บัคมีจุดเด่นคือลูกค้าสามารถนั่งได้นานเท่าที่ต้องการ และมีปลั๊กไฟให้บริการลูกค้า และที่สำคัญ  พนักงานมีใจรักในการบริการ ใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า ถ้าเรามีจุดเด่นที่แตกต่างและโดดเด่นมากพอ เห็นไหมล่ะคะว่าถึงแม้ราคาจะสูง แต่ก็ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเต็มร้าน เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาจุดเด่นของร้านคุณให้เจอนะคะ

7. วัตถุดิบขาดตลาด

นั่นแน่! ข้อนี้หลายๆ คนอาจจะคิดไม่ถึง ร้านกาแฟแต่ละร้านมักจะมีซัพพลายเออร์ในการสั่งซื้อเมล็ดกาแฟเข้ามา หรือบางร้านอาจจะเลือกปลูกเองเลยก็มี แต่ในความแน่นอนก็กลายเป็นความไม่แน่นอนขึ้นมาได้เสมอ เพราะฉะนั้นเราควรมองหาแหล่งวัตถุดิบสำรองไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้เลือกรสชาติและคุณภาพที่มีความคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้เป็นหลัก เพื่อไว้ทดแทนยามฉุกเฉินนั่นเอง

การแก้ปัญหาเป็นการฝึกฝนดีที่ดีค่ะ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้ปัญหาและป้องกันปัญหาเหล่านั้นได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาหรือทรัพยากรโดยไม่จำเป็น เป็นยังไงกันบ้างล่ะคะกับปัญหาที่ธุรกิจร้านกาแฟ ออฟฟิศเมทหวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังตัดสินใจทำธุรกิจร้านกาแฟนะคะ  สำหรับใครที่พร้อมจะลุยไปกับธุรกิจร้านกาแฟแล้ว ไปเลือกซื้ออุปกรณ์และสินค้าต่างๆ ที่จำเป็นในการทำธุรกิจร้านกาแฟกันได้ที่ OfficeMate Online Shop ได้เลยค่ะ มาที่เดียวครบ ตอบโจทย์ธุรกิจร้านกาแฟด้วยสินค้าครบครัน ทั้งเครื่องชงกาแฟ บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องคิดเงิน อุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ ให้คุณได้เลือกตกแต่งร้านได้แบบจุใจ พร้อมบริการจัดส่งฟรี* รับรองว่า คุณภาพคุ้มราคาแน่นอน  ออฟฟิศเมทพร้อมแล้วที่จะเพื่อนแท้ของคนทำธุรกิจร้านกาแฟ  แล้วคุณล่ะค่ะ พร้อมรึยัง? ถ้าพร้อมแล้ว คลิกเลย! OfficeMate

บทความแนะนำ!